เปิดรูปแบบคอร์สเรียนขายของออนไลน์ นำดาราขายฝัน ก่อนชวนเข้าธุรกิจขายตรง สูญเงินนับแสน-ล้าน

ผู้ได้รับความเดือดร้อน จากการเสียเงินเข้าไปสมัครเรียนคอร์สขายของออนไลน์ แต่หลังจากจบคอร์สถูกชักชวนให้เปิดบิลกับบริษัทชื่อดัง ก่อนจะถูกโน้มน้าวให้ไต่ระดับเป็นระดับ Superviser และระดับดีลเลอร์ ซึ่งการเลื่อนระดับ ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น และต้องหาสมาชิกมาเปิดบิลให้กับบริษัทเพิ่ม ทั้งที่สินค้าที่ได้รับมาขายแทบไม่ได้ ขณะที่อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิ์ เตือนว่าหากมีการชักชวนให้สมัครสมาชิกเพิ่มอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ส่วนผู้มีชื่อเสียงหากเข้าไปมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในบริษัทก็เข้าข่ายมีความผิด



ในช่วงโควิดที่แม่บ้านหลายคนอยากมีรายได้เสริม จึงได้เข้าไปเรียนคอร์สสอนขายของออนไลน์ ราคา 98 บาท โดยบางคลาส จะมีนักแสดงมาเป็นโค้ชสอนให้ด้วย หลังจากนั้นจะมีแม่ข่ายมาชวนให้เปิดบิล ไปราคา 2500 กว่าบาท ก็จะได้อาหารเสริมเป็นกาแฟลดความอ้วน และคอลลาเจน



โดยเมื่อจ่ายค่าสมัครจะเข้าระบบของบริษัท เพื่อจะขายสินค้าโดยการแปะลิงก์ ในโซเชียลของตัวเองได้ และหากจะไต่ระดับขึ้นเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ก็ต้องจ่ายเงิน 25000 บาท และระดับดีลเลอร์ต้องจ่าย 250000 บาท ซึ่งหากต้องการสต็อกสินค้าก็ต้องจ่ายจ่ายเป็นแสน ไปจนถึงล้าน เพราะเชื่อมั่นว่าสินค้าขายได้ แต่หลังจากสินค้าขายไม่ได้ ก็ได้รับการแนะนำว่าต้องยิงแอดโฆษณา เดือนละ 8000 บาท



ขณะที่บริษัทขายของออนไลน์ จะมี มีโรงเรียนสอนทำธุรกิจออนไลน์ครบวงจร มีระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ช่วยในการขายสินค้าออนไลน์ให้ตัวแทน



โดยหากสมัครเป็นขายส่ง supervisor เสียค่าสมัครแพงแต่ สามารถสร้างทีมขายได้ และหากเป็นค้าส่งรายใหญ่ Dealer ได้รับ website สำหรับขายสินค้า ได้เข้ากลุ่มการเรียนรู้ ทุกระดับ เรียนโดยตรงกับเจ้าของบริษัท สามารถเลื่อนระดับที่สูงขึ้น เพื่อรับสิทธิประโยชน์และสร้างรายได้มากขึ้น



ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถามกับ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ระบุว่าขณะนี้มีดาราศิลปิน เข้าไปมีส่วนในการขายของออนไลน์กันจำนวนมาก และเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่มาแล้วหลายคดี หากจะเข้าแชร์ลูกโซ่หรือไม่ต้องดูว่ามีการหว่านล้อมให้ไปหาสมาชิกรายใหม่มาจ่ายค่าเปิดบิล โดยไม่ได้มีจุดประสงค์จะขายผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด หากบริษัทเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ และพบผู้มีชื่อเสียงเข้าไปเป็นผู้บริหาร ก็เข้าข่ายร่วมกระทำผิดด้วย



ขณะที่นักแสดง ที่เป็นหนึ่งในผู้บริหารเปิดเผยว่าได้อบรมหลักสูตรเดียวกับเจ้าของบริษัทนี้ จึงได้ตัดสินใจมาร่วมทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทในส่วนของพัฒนาสินค้า กระจายไปทั่วโลกแต่ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจ และไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีคนที่ล้มเหลวจากการทำธุรกิจนี้