เปิดกลโกงแก๊งคอลฯ ใช้นศ.เป็นตัวประกัน กุเรื่องติดหนี้ ขู่เรียกค่าไถ่จากครอบครัว 5 ล้าน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างสถานการณ์ด้วยการโทรศัพท์ไปข่มขู่เรียกค่าไถ่ จากผู้ปกครองของนักศึกษารายหนึ่ง เป็นเงิน 5 ล้านบาท โดยบอกว่าได้จับตัวลูกชายไปเป็นตัวประกันที่กัมพูชา เพราะติดหนี้พนัน ให้ผู้ปกครองหาเงินมาไถ่ หากไม่โอนเงินมาจะขายลูกชายไปยังกลุ่มธุรกิจมืด



เสียงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างสตอรี่ ปั้นแต่งเรื่องเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ ข่มขู่ผู้ปกครองรายนี้ว่าลูกชายติดหนี้พนัน ถูกจับตัวไปเป็นตัวประกันที่กัมพูชา ขู่เรียกค่าไถ่ตัว 5 ล้านบาท



แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังอ้างว่า เป็นแก๊งค้ายาเสพติด หากไปแจ้งความลูกชายจะถูกขายต่อไปยังแก๊งอื่น



ผู้ปกครอง ของนักศึกษารายนี้ เมื่อได้รับโทรศัพท์เรียกค่าไถ่ โทรมาต่อเนื่อง จึงตัดสินใจไปแจ้งความ เพราะเกรงลูกตกอยู่ในอันตราย



การติดตามตัวจึงเริ่มขึ้นโดย ตำรวจสืบสวนนครบาล 9 และสืบสวนสภ.บางขุนเทียน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่านักศึกษาได้ขับรถออกจากบ้านจริง และไปจอดที่ตลาดใน จ.ปทุมธานี ก่อนจะนั่งรถตู้ไปอรัญประเทศ พบเข้าเช็คอินที่โรงแรมตรงชายแดนฝั่งไทย ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะเช็คเอาต์ เดินไปยังตลาดโรงเกลือ



มุ่งหน้าไปยังจุดผ่านแดนบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ข้ามไปยังปอยเปต ฝั่งกัมพูชา และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง



ขณะที่ผู้ปกครองยังคงได้รับโทรศัพท์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ยังต่อเนื่อง และเกรงลูกถูกขายต่อ จึงโอนเงินไปตามที่คนร้ายส่งเลขบัญชีจำนวน 5 หมื่นบาท ขณะที่ตำรวจได้ประสานกับ ผู้ช่วยทูตตำรวจไทยประจำกัมพูชา



และสถานีตำรวจปอยเปต และตำรวจพนมเปญ เข้าไปช่วยนักศึกษาที่โรงแรมในปอยเปต โดยยังไม่พบการถูกทำร้าย แต่เป็นการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้วิธีสั่งเหยื่อทางโทรศัพท์ให้ทำตามคำสั่ง



เพราะขณะเข้าช่วยเหลือเหยื่อยังเสียบหูฟัง คำสั่งจากคนร้ายไม่ให้ออกไปพบเจ้าหน้าที่ ยังพยายามให้เหยื่อเชื่อว่าเป็นตำรวจปลอม ทั้งที่เป็นตำรวจจริงเข้าไปช่วยเหลือ



นักศึกษาที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ ได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยและเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว พรุ่งนี้จะเปิดเผยถึงวิธีการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ลวงเหยื่อไปถึงกัมพูชาได้อย่างไร