ตร.ทางหลวง ผนึกกำลังสกัดจับกระบะ 6 คัน ลอบขนแรงงานเมียนมาเข้าไทย

ตำรวจทางหลวงเปิดปฏิบัติการสกัดจับขบวนการลักลอบนำแรงงานข้ามชาติหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยการขับขี่มาด้วยความเร็วสูงและไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนรวม 6 คัน สามารถจับคนนำพาและชาวเมียนมาได้รวม 95 คน



ตำรวจทางหลวง พบการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน จึงประสานทางหลวงสิงห์บุรี สระบุรี อยุธยา และ นครสวรรค์ ร่วมกัน สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ กระทั่งช่วงกลางดึก ชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทางสายเอเชีย พื้นที่ จ.ชัยนาท พบกลุ่มรถยนต์กระบะสีเทา และ สีดำ จำนวน 6 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า ขับขี่มาด้วยความเร็วสูงและมีน้ำหนักมากกว่าปกติ รวมทั้งมีผ้าใบปิดที่ด้านท้ายรถลักษณะมีพิรุธ



ตำรวจทางหลวงจึงติดตามไปอย่างกระชั้นชิด และให้สัญญาณหยุดรถ แต่เมื่อคนขับเห็นตำรวจทางหลวง ได้พากันหลบหนีไปตามเส้นทาง จนกระทั่งมาถึงขาเข้า ถนนสายเอเซีย ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท จึงหยุดรถได้



และเมื่อตรวจสอบพบต่างด้าวสัญชาติเมียนมานอนอัดแน่นมาท้ายกระบะรถมีผ้าใบปิด เบื้องต้นสอบถามผู้ขับขี่ทั้ง 6 คัน รับสารภาพว่านำพาบุคคลต่างด้าว นั่งโดยสารมากับรถยนต์ทั้ง 6 คัน เจ้าหน้าที่จึงเชิญทั้งหมดมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด ที่ตำรวจทางหลวงชัยนาท



พบว่าเป็น บุคคลคนต่างด้าวรวม 89 คน และไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง



จากการสอบถามคนขับรถ 6 คัน ให้การยอมรับว่า เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เวลาประมาณ 21.00 น.ได้รับการประสานเพื่อนชาวไทย ให้ไปรับแรงงานต่างด้าว ที่บริเวณ อ.วังเจ้า จ.ตาก เพื่อไปส่งปลายทางที่ จ.สุพรรณบุรี โดยได้ค่าจ้างคันละ 10,000 บาท/ครั้ง



และต่างรับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ไม่มีหนังสือเดินทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยได้ทำมาแล้ว 3 - 4 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยว



ส่วนบุคคลต่างด้าวให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ และเดินข้ามมาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะมีคนพาออกมาขึ้นรถเพื่อจะเข้ามาหางานทำในไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 10,000-20,000 บาท



เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ขับขี่รถยนต์ทั้งหมดข้อหา "รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม" และเตรียมผลักดันส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป