สังคม

อุทยานฯ-ส.ป.ก. แถลงพบพื้นที่ทับซ้อนรวม 5.2 แสนไร่ ยันลุยแก้ไข ไม่ให้กระทบสิทธิชาวบ้าน

โดย panwilai_c

9 เม.ย. 2567

176 views

มีความคืบหน้ากรณีพิพาทแนวเขต ระหว่างที่ดินส.ป.ก.กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ล่าสุดวันนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ออกมาแถลงความคืบหน้าพร้อมกันเป็นครั้งแรก หลังจากผู้บริหารทั้ง 2 กระทรวง ได้ร่วมหารือเเละทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันมาแล้ว ที่ทำเนียบรัฐบาล



จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ มีพื้นที่ทับซ้อนในเขตป่าอนุรักษ์มากถึง 190 แห่ง รวมพื้นที่กว่า 5 แสน 2 หมื่นไร่ ทั้ง 2 หน่วยงาน ยืนยันจะเดินหน้าแก้ปัญหานี้ต่อเนื่อง และจะไม่กระทบสิทธิที่ทำกินของประชาชน ที่ได้รับการจัดสรรตามกระบวนการอย่างถูกต้อง



นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายวัฒนา มังธิสาร รองเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และคณะทำงานจาก 2 หน่วยงาน ร่วมกันแถลงผลการดําเนินงานตรวจสอบพื้นที่ทับซ้อนระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และสํานักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. หลังมีการลงนามในบันทึกข้อตกลง ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อ 4 มีนาคมที่ผ่านมา



รองอธิบดีกรมอุทยานฯ บอกว่า ทั้ง 2 หน่วยงาน มีข้อตกลงร่วมกันที่จะนำแผนที่ทับซ้อนเข้าสู่การพิจารณาแนวเขตที่ดิน ตามที่คณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 ต่อ 4000 หรือ one map โดยใช้หลักเกณฑ์ตามที่ "สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ" ได้เสนอ



จากการทำงานร่วมกันในห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ประกาศตามราชกิจจานุเบกษา จำนวน 291 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้มีมากถึง 190 แห่ง ที่พบข้อมูลการทับซ้อนกับแนวเขตที่ดินส.ป.ก. รวมเนื้อที่ประมาณ 520,000 ไร่ ซึ่งตัวเลขที่ปรากฏนี้ จะเป็นภารกิจหลักของทั้ง 2 หน่วยงาน ที่จะต้องเข้าไปจัดการให้ถูกต้องและมีความชัดเจน



ยืนยันว่าจะไม่กระทบสิทธิที่ทำกินของประชาชน ที่ได้รับการอนุญาตหรือจัดสรรให้อย่างถูกต้องตามกระบวนการ แต่หากได้มาโดยมิชอบ ก็ให้ปฏิบัติตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน



ขณะที่ รองเลขาฯ ส.ป.ก. บอกว่า กรณีตรวจพบพื้นที่ทับซ้อนระหว่างป่าอนุรักษ์ กับแนวเขต ส.ป.ก. 520,000 ไร่นั้น ขณะนี้ได้เตรียมเสนอแนวทางให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามขั้นตอนแล้ว โดยยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพราะในอดีตมีการใช้แผนที่คนละมาตราส่วน การแก้ปัญหาจากนี้จะต้องคำนึงถึงเรื่องการอนุรักษ์ และการประกอบอาชีพทำกินของประชาชน ซึ่งขณะนี้ทาง ส.ป.ก.ได้ออกข้อสั่งการ ห้ามกระทำการใด ๆ ในพื้นที่ทับซ้อน จนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จ



ส่วนกรณีตรวจพบ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการทุจริต ทั้งที่เขาใหญ่ เเละกรณีอื่น ๆ ที่อาจจะตรวจเจอเพิ่มเติมหลังจากนี้ โดยทั้งกรมอุทยาน เเละส.ป.ก. ยืนยันจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ควบคุู่กับการเเก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อน

คุณอาจสนใจ

Related News