สังคม

'อัจฉริยะ' ร้องสอบ 'บิ๊กโจ๊ก' ใช้เงินบาปทำบุญ พร้อมแฉมีหลักฐานดีลลับคดีมินนี่

โดย panwilai_c

7 มี.ค. 2567

57 views

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานใบอนุโมทนาบัตรวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร้องทุกข์กล่าวโทษบิ๊กโจ๊ก ใช้เงินบัญชีม้าบริจาคทำบุญ และยังเปิดเอกสารอีกชุดที่ระบุว่าเป็นดีลลับของ ป.ป.ช. กับบุคคลสำคัญในรัฐบาล ก่อนที่การลงมติ 4 ต่อ1 รับสำนวนคดีบิ๊กโจ๊ก เอี่ยวเว็บพนันมินนี่ไปดำเนินการเอง



นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำหลักฐานที่เชื่อว่าเชื่อมโยงกับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โดยเอกสารนี้เป็นใบอนุโมทนาบัตรเงินบริจาคจำนวน 2 แสนบาท เป็นชื่อของพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งเข้าข่ายความผิดการเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฏหมาย มากกว่า 3 พันบาท



นายอัจฉริยะ ระบุว่า เงินจำนวนนี้มีความเชื่อมโยงกับบัญชีม้า ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ที่ถูกดำเนินคดีร่วมกับ พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องคนสนิทของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ โดยเป็นเงินที่โอนบริจาคมายังวัดแห่งนี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 ซึ่งสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ และยังพบการโอนเงินบริจาคผ่านบัญชีม้าไปยังวัดอื่นๆ ทางภาคใต้อีกด้วย



นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังยืนยันว่า มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากสำนักข่าวท้องถิ่น ในวันที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปทำบุญ และมีไฟล์วิดีโอในวันที่ตำรวจเข้าไปสอบสวนเจ้าอาวาส ซึ่งมารู้ภายหลังและยืนยันว่าเป็น พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ โดยการมายื่นเอกสาร ร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ไม่มีใบสั่งจากใคร แต่ทำไปเพราะเห็นว่าความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งบุคคลใดก็สามารถมาร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ส่วนตัว ไม่ได้มีความโกรธแค้นแทนพนักงานสอบสวนเพราะมองว่า ความผิดดังกล่าวพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิด



นอกจากนี้นายอัฉริยะยังเปิดเผยเอกสารอีกชุดที่เกี่ยวข้องกับประธานปปช. พร้อมพวก 4 คน กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติรับสำนวนพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวกเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์มินนี่ไว้พิจารณาเอง รวมทั้งมีมติขอดึงสำนวนพันตำรวจ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย กับพวกรวม 8 คน ที่พนักงานสอบสวน ของ ป.ป.ช. ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว กลับมาพิจารณาเอง เนื่องจากเห็นว่าทั้ง 2 สำนวนมีความเชื่อมโยงกัน



กรณีนี้นายอัจฉริยะระบุว่า ประธาน ป.ป.ช. กับพวกรวม 4 คนที่ลงมติ 4:1 ขอรับสำนวนคดี 8 ตำรวจคืนจากพนักงานอัยการอันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายตาม พรบ. ป.ป.ช. เพราะ ก่อนการลงมติ มีพนักงาน ป.ป.ช.ไปนั่งรับประทานอาหารซึ่งเชื่อว่า เป็นการดีลลับกับผู้ใหญ่ที่เป็นถึงบิ๊กรัฐบาล เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการลงมติในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม จึงมองว่าการกระทำของ ป.ป.ช. 4 คน ผิดตาม ม.157 เพราะการรับคดีมาไตร่สวน สอบสวนเอง ขัดต่อ พรบ.ป.ป.ช. ม.65 การเรียกรับสำนวนคืน ซึ่งถ้าไม่เป็นความจริง ขอให้ ป.ป.ช. ออกมาชี้แจง และถ้านายอัจฉริยะโกหก ก็ยินดีให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีตนได้

คุณอาจสนใจ

Related News