เครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเขาใหญ่ ร้องรัฐตรวจสอบ ชี้แจงปมออกโฉนด ส.ป.ก.4-01 บนที่ทับซ้อนอุทยานฯ

ข้อพิพาทกรณีที่สำนักงาน ส.ป.ก.นครราชสีมา ออกเอกสารโฉนด ส.ป.ก.4-01 ให้ผู้ครอบครอง 5 ราย เนื้อที่ราว 75 ไร่ แต่ถูกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถอนหมุดเขต ส.ป.ก.นั้นออก เพราะมีหลักฐานว่าที่ดินอยู่ในเขตอุทยานฯ ซึ่งกรณีนี้เกิดเป็นข้อพิพาทของสองหน่วยงานขึ้น ล่าสุดเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเขาใหญ่กว่า 21 กลุ่ม รวมตัวคัดค้านการออกเอกสาร ส.ป.ก.ดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีความไม่โปร่งใสในหลายขั้นตอน โดยมีข้อมูลว่าจะมีการออกโฉนด สปก.อีกกว่า 70 แปลงเนื้อที่กว่า 2 พันไร่ จึงขอให้รัฐบาลตรวจสอบและชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน



แถลงการณ์ที่อ่านโดยตัวแทนเครือข่ายวันนี้ ระบุว่ากรณีข้อพิพาท จุดหมุดนิรนาม ส.ป.ก.4-01 ที่ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในถนนแนวกันไฟ หมู่บ้านเหวปลากั้ง หมู่ 10 ต.หมูสี อ.ปากช่อง และพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำให้ชุมชนในพื้นที่และเครือข่ายเป็นกังวลเรื่องความไม่โปร่งใสในการออกเอกสารสิทธิ์นั้น ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยครบถ้วนหรือไม่



ผู้คัดค้าน ระบุว่า นอกจาก 75 ไร่ ที่ออกไปแล้วนั้น ยังพบว่ามีการวางรูปแปลงเพื่อออกโฉนด ส.ป.ก.4-01 อีก 72 แปลง รวมเนื้อที่ 2933 ไร่ ซึ่งชุมชนและเครือข่ายต้องการให้ข้อเท็จจริงกระจ่างขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการให้ซ้ำเติมปัญหาสิ่งปลูกสร้าง และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเผชิญอยู่ และขอให้นายกรัฐมนตรี ตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน



สำหรับเครือข่ายที่ร่วมลงนามออกแถลงการณ์วันนี้ เช่น วัดหมูสี สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร อ.ปากช่อง กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมเขาใหญ่ และชมรมฮักเขาใหญ่ เป็นต้น รวมทั้งหมด 21 เครือข่าย



การรวมตัวและออกแถลงการณ์ของ 21 เครือข่ายดังกล่าว มีขึ้นหลังจาก กรมอุทยานฯได้ถอนหมุดเขต ส.ป.ก.ที่ไปปักบนแนวเขตที่ดิน ซึ่ง ส.ป.ก.นครราชสีมา ออก ส.ป.ก.4-01 ให้ราษฏร 5 ราย เนื้อที่รวม 75 ไร่ เพราะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยืนยันว่าพื้นที่ปักหมุดอยู่ในเขตอุทยานฯจึงดำเนินคดีทั้งผู้แผ้วถางพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดดังกล่าง



และเมื่อวานนี้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ลงพื้นที่เขาใหญ่ทันที พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่หลายหน่วยทั้ง ส.ป.ก.นครราชสีมาและหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มาตรวจสอบข้อมูล ซึ่งหัวหน้าอุทยานฯยืนยันว่า กรมอุทยานฯยึดถือแผนที่ตามพระราชกฤษฎีกา ปี2505 ที่ประกาศเขตอุทยานฯมาแล้ว แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกร์ อ้างอิงให้ใช้กฎหมาย ส.ป.ก.ในปี 2518



ล่าสุด ร้อยเอกธรรม พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่าจากกรณีข้อพิพาทดังกล่าว เป็นประเด็นเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน จนเป็นปัญหาของผู้ปฎิบัติทั้งสองหน่วยงาน จึงประสานงานกับ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตลอดจนผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเจ้ากรมแผนที่ทหาร ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน เดินหน้าโครงการวันแมป โดยกระทรวงกลาโหมขอเป็นเจ้าภาพในการตรวจสอบข้อพิพาทระหว่างสองหน่วยงาน โดยเจ้ากรมแผนที่ทหาร จะลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ทั้งส.ป.ก. และกรมอุทยานฯ ในวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์นี้