สังคม

หลานเจ้าของตัวจริงควงทนาย ตัดกุญแจ-ปลดป้าย ยึดบ้านคืน หลังเพื่อนบ้านอ้าง 'ครอบครองปรปักษ์'

โดย panisa_p

13 ก.พ. 2567

82 views

กรณีพิพาทระหว่างเจ้าของบ้านผู้ถือโฉนดที่ดิน กับเพื่อนบ้านที่เข้ามาทุบ-ต่อเติม เเละอ้างว่า "ตนเองมีสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์" วันนี้หลานชายซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก "อากู๋เหมทัศน์" พร้อมทีมทนายความ กลับเข้าไปที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง พบว่ามีทรัพย์สินบางส่วนหายไป นอกจากนี้คู่กรณียังขนย้ายข้าวของมาจัดวาง ติดป้ายหน้าประตูระบุว่าเป็นร้ายขายไก่ทอด ซึ่งเจ้าของบ้านยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับเพื่อนบ้านกลุ่มนี้ ฐานบุกรุกเคหะสถาน ลักทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์



หลังให้ช่างกุญเเจเข้ามาเปิดประตู "นายซัน" หลานชายที่ได้มรดกจากอากู๋ เเละมีสถานะเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งวันนี้มาพร้อมกับ"ทนายกุ้ง" นางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ ทีมทนายความของ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ขึ้นไปปลดป้ายไวนิล"ไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา" เเละดึงป้ายเก่าที่อ้างกรรมสิทธิ์ของเพื่อนบ้านออกทันที ก่อนนำป้ายที่ทำขึ้นมาใหม่ติดที่หน้าประตู เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ข้อความระบุว่า "พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต หรือเข้ามากระทำการใด ๆ ทั้งสิ้น หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย"



เจ้าของบ้านบอกว่า นี่เป็นครั้งเเรกในรอบ 3-4 เดือนที่ได้กลับเข้ามา หลังถูกกลุ่มเพื่อนบ้านคู่กรณี อ้างสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ ขึ้นป้ายที่ประตู เอาข้าวของเครื่องใช้-อุปกรณ์ทำครัว โต๊ะ เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์รับแขกมาจัดวาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาเเละภรรยา เอาโซ่เเละกุญเเจมาล็อกไว้อย่างเเน่นหนา



ทนายความ บอกว่า วันนี้ได้นำโฉนดฉบับจริงมาแสดง ก่อนประสานตำรวจเข้ายึดป้ายร้านขายไก่ทอด ป้ายห้ามผู้อื่นบุกรุก และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน รวบรวมเป็นของกลาง เบื้องต้นพบมี 1 คน ระบุชื่อแสดงตัวในป้ายที่ติดไว้หน้าบ้าน ส่วนใครที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกครั้งนี้ จะให้ตำรวจดำเนินคดีทุกคน หากมีการต่อน้ำ ต่อไฟ มาจากบ้านไหนก็ต้องดำเนินคดีด้วย ฐานสนับสนุนการกระทำผิด จากนี้หากพบมีบุคคลใดบุกรุกเข้ามาอีก สามารถเอาผิดได้ทันที ก่อนหน้านี้ที่มีการตกลงเจรจากัน เมื่อ 17 กันยายน 2566 การตรวจบ้านครั้งนั้น ไม่พบข้าวของเครื่องใช้จัดวาง เหมือนการสร้างพยานหลักฐานว่า ผู้อ้างสิทธ์เข้ามาอาศัยจริง



ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2566 เรื่องนี้เป็นข่าวดัง เมื่อเจ้าของบ้าน ซึ่งได้รับมรดกให้เป็นเรือนหอวันเเต่งงาน กลับเข้ามาดูบ้านของอากู๋ซึ่งถือโฉนดไว้นานหลายสิบปีเเล้ว เเต่เมื่อเข้ามาก็พบว่าบ้านหลังนี้ ถูกเพื่อนบ้านเเละที่ตั้งบริษัทข้างเคียง เข้ามาทุบต่อเติมเจาะผนังทำทางเชื่อมหากัน



ขณะนั้นเพื่อนบ้าน ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะยึดเอาไปเป็นของตัวเอง เเละที่ผ่านมาก็พยายามติดต่อขอซื้อ เเต่ก็หาเจ้าของตัวจริงไม่ได้ เรื่องดูเหมือนจะจบลงตรงที่เจ้าของได้บ้านคืน เเต่เเล้ววันหนึ่งเพื่อนบ้านกลับไปยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ เจ้าของบ้านจึงรีบตั้งทนายโต้เเย้ง ยืนยันความเป็นเจ้าของบ้านเเละที่ดินผืนนี้



"การครอบครองปรปักษ์" ถูกระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ระบุว่า "บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ จะต้องได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี



เมื่อเข้าองค์ประกอบแล้ว บุคคลที่อ้างการครอบครองปรปักษ์นั้น ต้องดำเนินการ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยการครอบครองปรปักษ์ พร้อมแสดงหลักฐาน โดยก่อนการพิจารณา ศาลจะมีหมายส่งไปถึงเจ้าของที่ดินที่มีชื่อในกรรมสิทธิ์เพื่อให้มาคัดค้าน และศาลจะมีคำสั่งให้ผู้กล่าวอ้างการครอบครองปรปักษ์ ดำเนินการเกี่ยวกับการรังวัดที่ดินพิพาท เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย



กรณีไม่มีผู้คัดค้าน ศาลอาจจะมีคำสั่งให้บุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ เเละผู้นั้น ต้องนำคำสั่งศาลไปติดต่อกรมที่ดินเพื่อขอเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นได้



ก่อนหน้านี้ เจ้าของบ้านพร้อมทนายความ เดินทางมาที่ สน.โคกคราม เพื่อลงบันทึกประจำวัน โดยนายซันและภรรยา ได้รับมอบอำนาจจากอากู๋ ในการดำเนินคดีกับ นางสาวศรีพรรณ พร้อมกับพวกรวม 5 คน โดยเตรียมเเจ้งเพิ่ม 3 ข้อหา 1 คือ ความผิดฐานบุกรุกเคหะสถาน ความผิดฐานลักทรัพย์ และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

คุณอาจสนใจ

Related News