DSI เผย 2 ผู้ต้องหา คดีตีนไก่เถื่อน สารภาพสวมสิทธิ์ส่งไปจีนจริง

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ มีมติให้เรียกสัตวแพทย์ประจำโรงงานที่ส่งตีนไก่ไปประเทศจีน ให้มาให้ข้อมูลต่อดีเอสไอ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่จะคลี่คลายคดี กรณีสวมสิทธิ์สินค้าไทยแล้วส่งไปจีน ขณะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ระบุว่าผู้ต้องหา 2 คน จากจำนวน 4 คน ที่ดีเอสไอนำตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในคดีนี้ ให้การสารภาพ ว่าทำธุรกิจส่งตีนไก่ไปจีนโดยสวมสิทธ์เป็นสินค้าจากประเทศไทยจริง



คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมประชุมด่วนเพื่อติดตามความคืบหน้า 3 คดีสำคัญคือคดีหมูเถื่อนกรณี 161 ตู้คอนเทนเนอร์ เลขคดีพิเศษ 59/2566, คดีหมูเถื่อนกรณีลักลอบนำเข้าโดยสำแดงเท็จ 2388 ตู้คอนเทนเนอร์ เลขคดีพิเศษ 126/2566 และคดีลักลอบนำเข้าตีนไก่จากอุรุกวัยและบราซิล แล้วสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยส่งไปจีน เลขคดีพิเศษที่ 127/2566



หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อนสรุปความคืบหน้าในแต่ละคดี โดยระบุว่าคดี หมูเถื่อน 161 ตู้ นั้น แยกการสอบสวนเป็น 10 สำนวน มี 3สำนวนที่มีข้าราชการเกี่ยวข้อง ได้นำส่ง ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว ที่เหลือ7 สำนวนอยู่ระหว่างดำเนินการ



คดีนำเข้าหมูเถื่อนแต่สำแดงเท็จเป็นสินค้าอื่น จำนวน 2,388 ตู้คอนเทนเนอร์ ดีเอสไอได้รับใบตราส่งสินค้าทางเรือ หรือ B/L จากสายเรือมาแล้ว 1,400 ตู้ อยู่ระหว่างขยายผล เพราะก่อนหน้านี้พบว่ามีบางรายการ ที่BLระบุว่าเป็นสินค้าแช่แข็ง หรือ Frozen product แต่เมื่อเปิดตู้พบว่าเป็นชิ้นส่วนหมูแช่แข็ง ซึ่งคดีในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ดีเอสไอ ประเมินว่าคืบหน้าร้อยละ 60



คดีที่ 3 คือนำเข้าตีนไก่แล้วสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยส่งไปจีน ออกหมายจับแล้ว 5 คน จับตัวได้แล้ว 4 เหลือ 1 คน คือนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ลูกชายเฮียเก้า ที่เฮียเก้ารับปากว่าจะประสานให้กลับมามอบตัว



หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนระบุว่าผู้ต้องหา 2 คนในกลุ่มนี้คือนายหยาง ยา ซุง และนางสาวนวพร เชาว์วัย สารภาพว่าสวมสิทธิ์ตีนไก่ส่งไปจีนจริง ส่วนายหลี่ หรือเฮียเก้าให้การปฎิเสธ และชี้แจงความเชื่อมโยงกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้นว่าบรรพบุรุษรุ่นปู่ของสองฝ่ายรู้จักกัน จึงตามมาที่ประเทศไทย โดยเฮียเก้ามาอยู่ประเทศไทยเมื่อ 28 ปีก่อน เริ่มจากเป็นนักท่องเที่ยวจากนั้นก็หางานทำที่ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนรายละเอียดคำให้การอี่นๆ ดีเอสไอไม่เปิดเผย



หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ระบุว่าที่ประชุมมีมติให้เชิญนายสัตวแพทย์ประจำโรงงานที่ส่งออกไปจีน ซึ่งมีจำนวน 4 โรงงาน มาให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวน ส่วนจะเชิญผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องคนอื่นๆมาให้ข้อมูลหรือไม่อยู่ระหว่างพิจารณา



วันนี้ดีเอสไอ ยังพิจารณาจะรับคดีกรณีพบตู้คอนเทนเนอร์ตกค้าง ที่ท่าเรือแหลมฉบัง 90 ตู้ เป็นคดีพิเศษเพิ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดสำรวจแล้วพบว่าเป็นหมูแช่แข็ง 16 ตู้ เนื้อและไก่ 74 ตู้ โดยเชื่อว่ามีกลุ่มชิปปิ้งที่เชื่อมโยงถึงกัน



เมื่อเช้านี้รองอธิบดี ดีเอสไอ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอไอ ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีคดีสวมสิทธิ์ตีนไก่ส่งไปจีน โดยระบุว่ายังไม่เชิญอธิบดีกรมปศุสัตว์มาให้ข้อมูลในตอนนี้ แต่หากจำเป็นก็จะเชิญรองอธิบดีมาให้ข้อมูลก่อน โดยยืนยันนายหลี่ หรือเฮียเก้า ไม่ได้ซัดทอดถึงใคร แต่ในแนวทางสืบสวนพบว่ามีข้าราชการหลายคนเกี่ยวข้องด้วย