กพร. ยัน สำรวจพบ 'แร่ลิเทียม' จริง เป็นแร่ดิบไม่ผ่านขั้นตอนถลุง ไม่ใช่จำนวนมากเป็นอันดับ 3 ของโลก

กระแสข่าวการสำรวจพบแร่ลิเทียม มากถึง 14,000,000 ตัน ที่จังหวัดพังงา โดยมีการอ้างอิงว่า มากเป็นอันดับ 3 ของโลก ผู้สื่อข่าวได้หาข้อเท็จจริง และได้รับการยืนยันจากอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ว่ามีการสำรวจพบ แร่ลิเทียมจริง แต่เป็นแร่ดิบที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนการถลุงหรือการแต่งแร่ และไม่ใช่จำนวนที่มากเป็นอันดับ 3ของโลก อย่างที่ถูกเปรียบเทียบอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ยังถือเป็นข่าวดี ที่จะกระตุ้นการสำรวจและการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย


อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ยืนยันกับข่าว 3 มิติว่า บริษัทเอกชนที่ได้อาชญาบัตรสำรวจแหล่งแร่ที่ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา จำนวน 3 แปลง เนื้อที่กว่า 7 พันไร่ พบว่า 1 แปลง ในจำนวนนี้ พบมินิรอล รีซอร์ส หรือปริมาณสำรองทางธรณีของแร่ ลิเทียม 14,800,000 ตันจริง แต่ย้ำว่าเป็นแร่ดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการถลุง หรือแต่งแร่


แร่ดิบที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนถลุงหรือสกัด ก็คือแร่ที่ปะปนอยู่ในหินเพกมาไทต์ จึงไม่อาจเปรียบเทียบกับการค้นพบแต่ละประเทศไทย เพราะนิยามคำว่ารีซอร์ส หรือแร่ในแต่ละแห่ง อาจแตกต่างกัน


อธิบดีกรม กพร.ระบุว่า เกรดของแร่ลิเทียมที่สำรวจพบอยู่ที่ 0.45 เปอร์เซ็นต์ ลิเทียมออกไซด์ ถือว่าคุณภาพ ระดับกลาง และอ้างอิงทฤษฎีว่า หากนำแร่ดิบราว 14 ล้าน 8 แสนตัน ไปผ่านกระบวนการสกัดจะได้แร่ลิเทียมราว 1 แสน 6 หมื่นตัน ซึ่งคำนวณจากขั้นตอนต่างๆประมาณการณ์ว่าจะเพียงพอสำหรับผลิตแบตเตอรี่ให้รถยนต์ไฟฟ้าได้ 1 ล้านคัน


อธิบดีกรม กพร.ระบุว่าขณะนี้มีผุ้ได้รับอาชญายบัตรพิเศษเพื่อสำรวนลิเทียม 3แปลงในพื้นที่จังหวัดพังงา/ และมีคำขออาญาบัตรเพื่อสำรวจลิเทียมในจังหวัดอื่นๆเช่นราชบุรี และยะลา โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะพบลิเทียมในพื้นที่ ที่เคยพบแร่ดีบุกมาก่อน และประเทศไทยก็มีหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นเหมืองดีบุกมาก่อนหน้านี้