รัฐฯสั่ง 5 กระทรวงหาแนวทางป้องกันโรงงานพลุระเบิดเกิดเหตุซ้ำ ให้รายงานผลภายใน 10 วัน

นายสมศักด์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ 5 กระทรวงคุมโรงงานพลุทั่วประเทศ และ ปรับแก้ประกาศป้องกันเกิดเหตุซ้ำ โดยให้รายงานผลใน10 วัน ส่วนความคืบหน้าการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล วันนี้ยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตได้แล้ว 15 คนจาก 23 คน ซึ่งคาดว่าจะสามารถพิสูจน์ทราบได้ทั้งหมดในวันพรุ่งนี้


ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่กั้นเขตไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์ ศพฐ.7 เจ้าหน้าที่พิสูจน์ หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เร่งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตเหยื่อพลุระเบิด 23 ราย เบื้องต้น ยืนยันตัวตนได้แล้ว 15 ราย เจ้าหน้าที่คาดว่าจะสามารถทยอยออกได้ครบวันพรุ่งนี้


ทางด้านพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ การตรวจที่เกิดเหตุ ได้เก็บพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา ขั้นตอนจากนี้ จะต้องนำหลักฐานชิ้นส่วนที่พบทั้งหมด มาตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุระเบิดในครั้งนี้ ยังตอบไม่ได้ว่าจะทราบผลเมื่อใด แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด


นอกจากนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวง และเจ้าหน้าที่ พม. ทั้งในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียงลงพื้นที่ทันที เพื่อดูแลเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา โดยส่วนของกระทรวง พม. จะมีเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ครอบครัวละ 3,000 บาท


ส่วนการเยียวยาสภาพจิตใจครอบครัว มี พม. จังหวัดสุพรรณบุรี ลงมาดูแล โดยทราบว่าในจำนวนผู้เสียชีวิต มีนักเรียน 2 คน ที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่จากเหตุการณ์นี้ ได้ประสาน ทางโรงเรียนให้ดูแลอย่างใกล้ชิด


ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และรองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายปกครองท้องที่ ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมแนวทางการบริหารจัดการการอนุญาตให้ทำและค้าดอกไม้เพลิง การเยียวยา และแนวทางการแก้ไขในอนาคต


โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้แนวทาง และข้อห่วงใย เพื่อให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเติม ทั้งในเรื่องพลุ และสถานที่เก็บวัตถุอันตราย ซึ่งมีหลายหน่วยงานมาร่วมประชุมในวันนี้ โดยมีข้อสรุปการแก้ปัญหาที่จะบูรณาการทำงานไม่ให้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการบูรณาการกฎหมายว่าจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไรนั้น เพราะระยะหลังเหตุโรงงานพลุระเบิดเกิดขึ้นทุกปี จากการตรวจสอบพบว่า หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องมี 5 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม /กระทรวงมหาดไทย /กระทรวงสาธารณสุข/ กระทรวงแรงงาน/ และกระทรวงอุตสาหกรรม/ แต่ประกาศที่ออกมาเป็นประกาศรวม ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรมีการปรับประกาศของทั้ง 5 กระทรวงหลัก ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปดูประกาศ และจัดทำร่างกฎหมายเพื่อให้ส่วนรวมได้พิจารณาอีกครั้ง ว่าโรงงานประเภทที่มีกำลังน้อยกว่า 50 แรงม้า หรือคนงานน้อยกว่า 50 คน ซึ่งไม่เข้าข่ายในการควบคุมของกระทรวงอุตสากรรม ก็ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปปรับร่างกฎหมายว่าจะควบคุมอย่างไรให้สอดคล้องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้เวลา 7-10 วัน ให้ส่งกลับมา เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา