ดีเอสไอส่งสำนวนคดี 'หมูเถื่อน' ให้ ป.ป.ช. หลังพบเจ้าหน้าที่รัฐ 2 หน่วยเอี่ยว

พนักงานสอบสวนดีเอสไอ นำสำนวนคดีพิเศษ 2 คดีที่ขยายผลจากการดำเนินคดีกับขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนก่อนหน้านี้ เพื่อส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณา หลังจากพบว่า มีข้าราชการเกี่ยวข้องกับบริษัทชิปปิ้ง 2 ราย โดยบริษัทเอกชน 2 รายนี้นำเข้าหมูแช่แข็งถึง 58 ตู้คอนเทนเนอร์



ร้อยตำรวจเอกชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ในฐานะเลขานุการคดีหมูเถื่อนได้นำแฟ้มสำนวนจำนวน 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 101/2566 ตรวจสอบบริษัท กู๊ด วอเตอร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด และคดีพิเศษที่ 104/2566 ตรวจสอบบริษัท อาร์.ที.เอ็นโอเวอร์ซี จำกัด ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ในฐานความผิด 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 243 / หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้นๆ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 / นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย อันเป็นความผิดตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ประกอบมาตรา 68 และมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญา



สำหรับสำนวนคดีพิเศษที่ 101/2566 บริษัท กู๊ด วอเตอร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด พบของกลางในคดี เป็นตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง จำนวน 37 ตู้ ขณะที่สำนวนคดีพิเศษที่ 104/2566 บริษัท อาร์.ที.เอ็นโอเวอร์ซี จำกัด พบของกลางในคดีเป็นตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจำนวน 21 ตู้ โดยทั้ง 2 คดีมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้ามาเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด



ร้อยตำรวจเอกชาญณรงค์ เปิดเผยว่า สำนวนของทั้ง 2 คดีที่ส่งให้ ป.ป.ช. ในวันนี้ มีการสอบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐของ 2 หน่วยงานที่เข้าไปเกี่ยวข้องรวม 3 คน โดยพบความผิดชัดเจน แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นบุคคลใดบ้าง ขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอน



ส่วนพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐ มีพฤติกรรมทุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการนำเข้าสินค้าและการออกสินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี อีกทั้งยังเกี่ยวข้องในส่วนของพิธีการทางศุลกากร มีอำนาจในการใช้ดุลพินิจต่อการดำเนินการในส่วนต่างๆ ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ก็พบว่ามีการรับเงินจริงในจำนวนหลักสิบล้านบาท ส่วนเรื่องรายละเอียดเชิงลึกภายในสำนวนและกรอบระยะเวลาในการตรวจสำนวนคดี ขอให้เป็นการดำเนินการของ ป.ป.ช.



นอกจากนี้ ยังระบุว่าสัปดาห์หน้า คณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมพิจารณา ในประเด็นว่าจะเชิญข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คนใดบ้างเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในกรณีนำเข้าสินค้าทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว หรือชิ้นส่วนไก่ ตามที่ข้าราชการกระทรวงฯ ได้มาพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไว้ รวมถึงจะประชุมเรื่องการกำหนดแนวทางสืบสวนขยายผลกลุ่มผู้ต้องหาในคดีต่างๆ เพิ่มเติม โดยจากข้อมูลพบว่า ยังมีอีกประมาณ 3-4 บริษัท ที่มีพฤติการณ์เหมือนกันกับกลุ่มของเฮียเก้า หรือนายหลี่ เซิ่งเจียว ที่ลักลอบนำเข้าตีนไก่จากต่างประเทศ และมีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ ก่อนสวมสิทธิ์จำหน่ายไปยังประเทศจีน