สังคม
แผนงานขับเคลื่อน ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่มางบประมาณ
4 ม.ค. 2567
68 views
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เตรียม แก้ไขกฎกระทรวงจัดเรตติ้งภาพยนตร์ ตั้งเป้ากลางปี พ.ร.บ. THACCHA ต้องเข้าสภา พร้อมทั้งชี้ แจง ที่มางบประมาณ ที่จะใช้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ในปีงบประมาณ 2567 ด้วย ยอมรับว่า จะต้องของบกลาง 2,500 พันล้านบาท มาดำเนินงาน โดยเฉพาะสงกรานต์ ที่เตรียมเสนอคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ชุดใหญ่ ในวันที่ 9 มกราคม นี้
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ครั้งที่ 1/2567 ว่า ที่ ประชุมได้ย้ำ 3 ประเด็นหลักคือ การจัดเรตติ้งภาพยนตร์ ที่ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากภาคเอกชนมานานหลายปี จากความไม่สมเหตุสมผลของเกณฑ์ รวมถึงความไม่ชัดเจนของการพิจารณา ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะอนุกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์สาขาภาพยนตร์ ได้เสนอ การเปลี่ยนแปลง "คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และเกม" ทั้งสัดส่วนของคณะกรรมการให้เอกชนมีเสียงข้างมาก และ เป็นประธานคณะกรรมการ รวมชุดเก่าที่ยังไม่หมดวาระเป็น 10 ชุด เป็น คณะพิจารณาภาพยนตร์ 8 ชุด และ คณะพิจารณาด้านเกมโดยเฉพาะ 2 ชุด
ส่วนที่ 2 คือ การแก้ไขกฎกระทรวงและประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวิดีทัศน์ ปี 2551 ซึ่งอยู่ช่วงระหว่างรอการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน สำหรับการแก้ไขกฎกระทรวงที่มาของจัดประเภทเรทของภาพยนตร์ จะเป็นการแก้ไขในส่วนของภาพยนตร์ที่ห้ามฉายในประเทศไทย โดยภาพยนตร์ที่ห้ามฉายในประเทศไทยจะเหลือเพียงข้อกำหนดเดียว คือ เนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนประเด็นอื่นๆ เรื่องศาสนา เรื่องความมั่นคง รวมถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ จะถูกจัดอยู่ในเรทผู้ชมที่เหมาะสมแทนการห้ามฉาย โดยกระบวนการแก้กฎกระทรวงนี้ ยังอยู่ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และคาดว่าการแก้ไขจะเสร็จสิ้นในช่วงกลางปีนี้
ส่วนที่ 3 คือ การสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว นั่นคือการยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับใหม่ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิด "สภาภาพยนตร์ไทย" องค์กรใหม่ภายใต้ THACCA มาทำหน้าที่สนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ไปจนถึงการพิจารณาจัดเรทผู้ชมในอนาคต และให้เอกชนเป็นผู้จัดเรทผู้ชมด้วยตัวเอง การเปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดเรทของผู้ชมทั้ง 3 ส่วน เป็นการเปลี่ยนวิธีคิด ที่ภาครัฐเคยเน้นควบคุมภาพยนตร์ เป็นการสนับสนุนเสรีภาพและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินทุกคน
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวว่า การตั้ง One Stop Service ที่รวมเอาการติดต่อหน่วยงานราชการหลายๆ หน่วยเข้าไว้ที่เดียว โดยสองอุตสาหกรรมแรกที่จะลงมือทำ One Stop Sevice คือ อุตสาหกรรมเพลง และ ภาพยนตร์ เพราะการจัดคอนเสิร์ตและการถ่ายทำภาพยนตร์มีปัญหามากที่ต้องติดต่อหลายหน่วยงานราชการ และประเด็นสุดท้าย คือ กระบวนการยกร่าง พ.ร.บ. THACCA ที่จะเป็นกฎหมายหลักสำหรับหน่วยงานที่จะมาขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศ ตอนนี้ตัวกฎหมายใกล้เสร็จแล้ว อยู่ในขั้นตอนของตรวจสอบความเรียบร้อย แล้วเปิดรับฟังความเห็น โดยตั้งเป้าจะผลักดันให้เข้าสภาภายในกลางปีนี้
ด้านนพ. สุรพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ทั้ง 11 อุตสาหกรรมได้เสนองบประมาณที่ 5,164 ล้านบาท ซึ่งบางอุตสาหกรรมเสนอใช้งบในปี 2567 แต่บางอุตสาหกรรมเสนอใช้งบของปี 2561 และ 2568 รวมกัน เมื่อนำมากลั่นกรองแล้วพบว่า งบปี 2567 จะอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นงบของปี 2568 โดยวันนี้ ที่ประชุมยังไม่ได้ลงรายละเอียด และให้ไปทำคำของบประมาณกับสำนักงานงบประมาณ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับงบของแต่ละกระทรวง
ส่วนการของบ 3,500 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นงบที่มาจากหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งมีข้อสังเกตจากสำนักงบประมาณว่า ตัวเลขงบประมาณ 3,500 ล้านบาท มีอยู่ในการพิจารณางบ ปี 67 กว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้น งบที่ 11 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ได้เสนอมาจะอยู่นอกเหนือจากที่หน่วยงานราชการ ตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้จะเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ชุดใหญ่ที่ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันอังคารที่ 9 มกราคมนี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ,ซอฟต์พาวเวอร์ ,งบประมาณ ,ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์