สังคม

ตร.ยังไม่ได้ออกหมายเรียก 'สมรักษ์' ล่วงละเมิดสาว 17 เผยอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานเพิ่ม

11 ธ.ค. 2566

93 views

จนถึงขณะนี้ ตำรวจ ยังไม่ได้ออกหมายเรียก นายสมรักษ์ คำสิงห์ ไปรับทราบข้อกล่าวหาล่วงละเมิดเยาวชนอายุ 17 ปี ยังต้องสอบผู้เสียหาย และพยานให้เสร็จสิ้นก่อน

กรณีเยาวชนหญิง อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ได้กระทำการล่วงละเมิด หลังพบกันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ต่อมานายสมรักษ์ ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้กระทำการข่มขืน และไม่ทราบมาก่อนว่า อายุ 17 ปี เพราะเยาวชน สามารถเข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิงได้ จึงต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป


สำหรับพฤติกรรม ตามคำกล่าวหาของเยาวชน และคำอ้างของนายสมรักษ์ ข่าว 3 มิติ จะไม่ขอกล่าวในรายละเอียด แม้จะมีผลในทางคดีก็ตาม เพราะอาจส่งผลกระทบด้านจิตใจต่อเยาวชน และครอบครัว


ด้านพันตำรวจเอก ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผู้กำกับการ สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นคดีล่วงละเมิด ตอนนี้เยาวชนอายุ 17 ปี อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดขอนแก่น ตำรวจอยู่ระหว่างประสานทีมสหวิชาชีพเข้าสอบปากคำ พร้อมเร่งสอบปากคำพยานอื่นๆ ทั้งเพื่อนที่ไปรับตัวผู้เสียหายไปแจ้งความ พนักงานที่ร้าน และพนักงานโรงแรม หากปรากฏหลักฐานแน่ชัด จะออกหมายเรียกนายสมรักษ์ มารับทราบข้อกล่าวหาทันที


ผู้กำกับการ สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยต่อว่า ในความผิดเกี่ยวกับสถานบริการที่ปรากฎในสำนวนการสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ในข้อหา "ยินยอมหรือการปล่อยปละละเลยให้บุคคลอายุ ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้ามาใช้บริการและเปิดทำการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ" พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา แก่สถานบริการที่เด็กเข้าไปใช้บริการแล้ว โดยมีผู้จัดการร้านมารับทราบข้อกล่าวหา


ขณะที่นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เผยว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายปกครอง ไปพิจารณาสั่งปิดสถานบันเทิงดังกล่าว เพราะทำผิดชัดเจน แต่ได้ให้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน ไม่ใช่ว่าจะปิดได้ทันที ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งโทษอาจจะแค่สั่งปิดชั่วคราว หรือสั่งปิด 5 วัน


ด้านเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว ได้เปิดเผยโดยอ้างว่า พนักงานของร้านได้ตรวจสอบบัตรประชาชนของผู้มาเที่ยวทุกคน โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกไว้หน้าร้าน ซึ่งในรายเยาวชนอายุ 17 ปี ที่เข้าไปเที่ยวได้ เจ้าของร้านอ้างว่า ได้แสดงภาพบัตรประชาชนในมือถือ ซึ่งแสดงปีเกิดอายุเกิน 20 ปี เจ้าของร้านจึงสงสัยว่า อาจมีการปลอมแปลงเลขปีเกิด


ทีมข่าวได้สัมภาษณ์ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ข้อเท็จจริงที่มีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชนในขณะนี้ ยืนยันว่า ในส่วนของการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์อายุเกินกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะ ยินยอมหรือไม่ก็ตาม ได้เกิดขึ้นแล้ว


ผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 ถึง 200,000 บาท หากพิสูจน์ได้ว่าตัวเด็กผู้เสียหายไม่มีความยินยอม


แต่หากตัวเด็กมีความยินยอมไปกับทางผู้กระทำความผิดก็จะเข้าความผิดตามมาตรา 319 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 4,000 ถึง 20,000 บาท ซึ่งในมาตรา 319 นี้โทษปรับจะมีอัตราโทษปรับที่ถูกกว่ามาตรา 318 เพราะตัวผู้เสียหายยินยอมไปกับผู้ทำความผิด


นายปรเมศร์ ยังได้ยกตัวอย่างคดีที่เคยเกิดขึ้นที่พัทยามีความใกล้เคียงกับคดีนี้ ซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งลงโทษให้รอลงอาญา แต่อัยการยื่นอุทธรณ์ ทำให้ศาลอุทธรณ์ได้มีการกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นลงโทษจำคุก ไม่รอลงอาญา

คุณอาจสนใจ

Related News