สังคม

'ธรรมนัส' นำจนท. ลุยค้นตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างท่าเรือแหลมฉบัง

โดย panwilai_c

6 ธ.ค. 2566

33 views

กรณีที่เกี่ยวข้องกับคดีหมูเถื่อน ซึ่งวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำทีมพญานาคราช ไปตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่ตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นคนละกรณีกับ 161 ตู้ ที่เป็นคดีพิเศษนะครับ



ในกรณีที่เป็นคดีพิเศษ ที่ 59/2566 นั้น ดีเอสไอรับคดีที่กรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์แจ้งความให้เอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้า 161 ตู้ ที่ไม่ทำพิธีการศุลกากรตามกำหนด จนกลายเป็นสินค้าตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นชิ้นส่วนหมูนำเข้าจากต่างประเทศนั้น



สำนวนคดีนี้ แยกเป็น กรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง ดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.แล้ว ส่วนสำนวนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยแยกเลขคดีพิเศษออกใหม่เป็น 10 คดี เพื่อสืบหาคนที่เกี่ยวข้องทั้ง 161 ตู้ รวมถึงที่พบหลักฐานว่านำเข้ามาก่อนหน้านี้ เพื่อส่งขายห้างค้าส่งและค้าปลีกรายใหญ่ประเทศ



และในจำนวน 161 ตู้นี้เอง มีอยู่ 41 ตู้ ที่บริษัทศิขัณทิน เทรดดิ้ง และบริษัท สมายด์ ท็อป เค เอนเตอร์ไพร์ส ยืนยันว่าเป็นผู้นำเข้า และได้ฟ้องกรมศุสัตว์ว่ากลั่นแกล้งไม่ออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายให้จนกลายเป็นของตกค้าง และถูกรวมเป็นสินค้าหมูเถื่อน 161 ตู้ โดยนายบริบูรณ์ ละออปักษิณ ไปให้การต่อดีเอสไอ พร้อมมอบหลักฐานว่าคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง



และสินค้าของบริษัทศิขัณทินและสมายด์ ท็อป จำนวน 41 ตู้นี่เอง ที่เป็นที่มาของคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายไทกร พลสุวรรณ กับนายธนดล ที่ปรึกษาทางกฎหมายของร้อยเอกธรรมนัส โดยนายไทกร ระบุว่าหมูและมันหมู ที่บริษัทศิขันทิณนำเข้ามา เพื่อส่งต่อไปลาวนั้นถูกกฎหมาย บริษัทจึงตั้งงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าทนายความและดำเนินการแยกออกมาจาก 161 ตู้ โดยไม่ให้ทำลาย ไม่ใช่การเสนอจ่ายสินบนเพื่อให้พ้นคดี



อย่างไรก็ตาม ร้อยเอกธรรมนัส ยืนยันว่าสินค้าของบริษัทดังกล่าว เป็นสินค้านำเข้าผิดกฎหมายเพราะถือเป็นสินค้าตกค้างของกรมศุลกากรแล้ เนื่องจากไม่ได้สำแดงการนำสินค้าออกตรงตามเวลาที่กำหนด การจะมาสำแดงการนำผ่านไปประเทศลาวในภายหลัง ถือว่าไม่ถูกต้อง



นอกจากนี้ยังยอมรับว่า การสนทนาของนายธนดล ที่ปรึกษาทางกฎหมายของตน ถือเป็นการทำงานของคณะทำงาน ที่พยายามหาข่าวของคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้



สำหรับคดีที่บริษัทศิขัณฑินฟ้องกรมปศุสัตว์ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล แต่สินค้าดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันจากร้อยเอกธรรมนัสว่าถูกทำลายไปแล้วทั้ง 161 ตู้ มีการบันทึกคลิปการทำงานเพื่อความโปร่งใส และระบุว่าจะให้นายไชยา พรหมมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ชี้แจงเรื่องการทำลาย



นอกจากตู้สินค้านำเข้าหมูแช่แข็ง 161 ตู้ ที่เป็นคดีพิเศษไปแล้วนั้น ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี มีตู้สินค้าตกค้างโดยไม่มีผู้มาสำแดงเอกสารเพื่อนำออกทั้งหมด 95 ตู้ วันนี้ทีมพญานาคราช ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงไปเปิดตรวจสอบอีก 5 ตู้ พบว่าเป็นทั้งปลา ซากสัตว์ พริกและหอมแดง สินค้าเหล่านี้แม้จะสำแดงตรงตามเอกสารนำส่ง แต่ตกค้างมาเป็นปีแล้ว ก็ยังไม่มีผู้มาทำพิธีการศุลกากร เพื่อนำสินค้าออกไป ข่าว 3 มิติพบว่าสินค้าที่เปิดวันนี้ มีหมูเถื่อนนำเข้าจากบราซิล เหมือนกรณี 161 ตู้ด้วย



สินค้าในคอนเทนเนอร์นี้ เป็นตู้แรก ที่ชุดเฉพาะกิจพญานาคราช นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเปิดตรวจสอบโดยซึ่งเอกสารกำกับระบุว่าเป็นเนื้อส่วนแก้มนำเข้าจากต่างประเทศ



เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าภายในเป็นสินค้าบรรจุเป็นกล่อง กล่องลประมาณ 10 กิโลกรัม แต่เนื่องจากระบบทำความเย็นของตู้นี้พังลง ทำให้สินค้าเน่าและสิ่งกลิ่นเหม็นรุนแรง



สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่บริษัทชิปปิ้งนำเข้า โดยแจ้งการนำส่งพร้อมระบชนิดสินค้าไว้หลากหลาย แต่เมื่อสินค้ามาถึงท่าเรือแล้ว ผู้นำเข้าไม่มาทำพีธีนำสินค้าออก จนพ้นกำหนด 45 วัน กลายเป็นสินค้าตกค้าง ซึ่งกรมศุลกากรมีอำนาจที่จะเปิดตรวจสอบได้



สินค้าตู้นี้ก็เช่นกัน เจ้าหน้าที่เปิดตรวจสอบวันนี้พบว่าเป็นหอมแดงนำเข้าจากต่างประเทศ ตกค้างถึงขนาดที่ทำให้สินค้านั้นงอกเป็นต้นออกมา ส่วนสินค้าตู้นี้ สำแดงสินค้านำเว่าเป็นปลาจวด แต่เมื่อเปิดดูวันนี้พบว่าเป็นปลาแซลมอน



ส่วนอีก 2 ตู้ ที่เปิดตรวจสอบ พบว่า 1 ตู้เป็นพริกสด ส่งกลิ่นฉุนรุนแรงและตู้นี้คือสินค้าเป็นเนื้อหมู บรรจุในกล่องละประมาณ 10 กิโลกรัมเป็นที่น่าสังเกตว่ากล่องหมูที่บรรจุในนี้ มีหีบห่อหรือผลิตภัณฑ์ตรงกันทุกอย่างกับบางตู้ในกลุ่ม 161 ตุ้ ที่ดีเอสไอดำเนินคดีอยู่ในตอนนี้



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราละสหกรณ์ระบุว่ามีสินค้าที่อยู่เกินกำหนด 45 วัน โดยไม่มาสำแดงนำออกประมาณ 95 ตู้ เก็บอยู่ในเขตอารักษ์ของกรมศุลการ ที่ผ่านมากรมศุลกากเปิดตรวจสอบแล้ว 70 ตู้ เหลืออยู่ 25 ตู้ วันนี้จึงมาตรวสอบ 5 ตู้ ซึ่งพบทั้งที่เป็นปลา หมู และพืชผัก ซึ่งนำเข้าผิดกฎหมาย ในกรณีที่เป็นหมูนั้น อาจไปรวมเป็นคดีพิเศษเพื่อสืบหาคนลักลอบนำเข้า



ข่าว 3 มิติได้เบาะแสว่าสาเหตุที่สินค้าเหล่านี้นำเข้ามาแล้วไม่ถูกนำออกไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผุ้นำเข้ายอมเสี่ยงนำเข้าในช่วงที่คนมีอำนาจ มีบทบาทหนุนหลัง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายจนคนร่วมขบวนการเปลี่ยนไป รวมถึงบางบริษัทตั้งค้นมาเฉพาะกิจเพื่อค้าสินค้าเถื่อน เมื่อถูกเข้มงวด จึงยอมทิ้งสินค้าเหล่านี้ไป อย่างไรก็ตามหากยึดจากหลักฐานการนำเข้าถือว่ามีเบาะแสครบถ้วน จึงขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐ จะขยายผลไปหาผู้นำเข้าเหล่านี้หรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News