สังคม

DSI จับ 2 นายทุน นำเข้าหมูเถื่อน ขยายผลโยงหลักฐาน 'อัจฉริยะ' แฉ ปลายทางส่งห้างใหญ่

14 พ.ย. 2566

635 views

กรมสอบสวนคดีพิเศษ จับผู้ต้องหา 2 คน ที่อยู่เบื้องหลัง สั่งให้บริษัทชิปปิ้ง นำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศ ขณะที่อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่ากำลังสอบสวนขยายผลหลังจากมีหลักฐานในคดีบ่งชี้ว่าหมูเถื่อนที่บริษัทนี้สั่งนำเข้า ได้ถูกส่งขายให้ห้างค้าส่งระดับประเทศด้วย



นายวิรัช อายุ 69 ปี กรรมการบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด และนายธนกฤต อายุ 42 ปี ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน ทั้งคู่เพิ่งเดินทางมาจากต่างประเทศและถูกดีเอสไอ ควบคุมตัวมาสอบสวนและแจ้งข้อหา หลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้าม ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร , และนำเข้า ส่งออกสัตว์ หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ โดยพนักงานสอบสวนได้นำทั้งคู่ไปสอบปากคำ



ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอมีหลักฐาน เช่นคำสั่งซื้อและการโอนเงิน จากบริษัทที่นายวิรัช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม เพื่อให้บริษัทมายเฮาส์ เทรดดิ้ง และกันตา ไทยโฟรเซ่น ฟิช นำเข้าหมูแช่แข็งจำนวน 33 ตู้ จากจำนวนทั้งหมด 161 ตู้ เข้าประเทศซึ่งทั้ง 33 ตู้ ถูกอายัดไว้ได้ก่อน



แต่การค้นบริษัทนี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ก็พบหลักฐานว่า เคยมีการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศมาแล้วกว่า 200 ตู้ กระจายไปเก็บในห้องเย็นต่างๆหลายแห่ง ซึ่งการนำเข้ามีขึ้นเมื่อปี 2564 และ 2565 ทำให้เนื้อหมูส่วนใหญ่ถูกจำหน่ายไปหมดแล้ว ยังเหลือประมาณ 75 ตัน อยู่ในห้องเย็น ที่สมุทรสาคร ที่ดีเอสไอไปตรวจและอายัดไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา



อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่าทั้งคู่ให้ความร่วมมืออย่างดี ตอนนี้พนักงานสอบสวนกำลังขยายผลว่าหมูที่นำเข้ามาจากที่ใด เก็บที่ใด และปลายทางส่งไปที่ใดบ้าง โดยอธิบดียอมรับว่า มีหลักฐานในคดียืนยันว่าเนื้อหมูที่นำเข้ามา ถูกส่งไปห้างค้าปลีกระดับประเทศ รวมถึงเรื่องนี้มีเจ้าหน้านี้รัฐรู้เห็นด้วย



อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่าหากยืนยันได้ว่าห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ รับซื้อจริง ก็ต้องถูกดำเนินคดีเสมือนเป็นผู้นำเข้าด้วย



จนถึงขณะนี้บริษัทชิบปิ้งจำนวน 10 บริษัท ที่นำเข้า 161 ตู้ ถูกออกหมายจับแล้วรวม 8 บริษัท จำนวน 10 คน แต่จับตัวได้แล้ว 6 คน เหลืออีก 4 คน ที่อยู่ระหว่างติดตามตัว ส่วนอีก 2 บริษัทที่เหลือ อยู่ระหว่ารวบรวมเอกสารหลักฐาน



และกรณีสองพ่อลูกที่ควบคุมตัวมาวันนี้ อยู่ในฐานะกลุ่มผู้สั่งให้ชิปปิ้งนำเข้าหรือถือเป็นแถวที่สอง ของขบวนการนี้ และยังมีอีกบางบริษัท ที่ทั้งทำหน้าที่นำเข้าเองและเป็นชิบปิ้งเองด้วย ที่ดีเอสไอกำลังขยายผล รวมถึงประสานงาน กับ ปปง เพื่ออายัดทรัพย์ของคนในขบวนการนี้ด้วย



การจับผู้ต้องหาอีกสองคนวันนี้ ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่าเป็นผู้ต้องหาแถวที่สอง ที่สั่งให้บริษัทชิปปิ้งนำเข้าหมูเถื่อน ซึ่งขบวนการเหล่านี้หาก ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น จะกระทำไม่ได้ ถือได้ว่าสอดคล้องกับหลักฐานที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนวันนี้ โดยเอกสารดังกล่าว ระบุว่า หมูเถื่อนที่นำเข้าโดยบริษัทนี้ ถูกนำไปส่งให้ห้างค้าส่งขนาดใหญ่ระดับประเทศ



รวมถึงเอกสารที่ระบุว่าเป็นบัญชีจ่ายส่วย เพื่อนำเข้าหมูเถื่อน ทีมข่าว 3 มิติ ตรวจสอบย้อนกลับไปที่ดีเอสไอ ได้รับการยืนยันว่า ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์และเอกสารนี้เป็นเอกสารในคดีจริง และเนื้อหาที่ระบุในเอกสารนั้น ดีเอสไอก็กำลังตรวจสอบด้วย



ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แสดงเอกสารที่เขาระบุว่าดีเอสไอ ยึดได้จากสำนักงานของผู้ต้องหาที่ย่านดอนเมือง เมื่อปลายเดือนแล้ว หลังมีหมายค้นและหมายจับกรณีว่าบริษัทนี้เกี่ยวข้องนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศ



จากเอกสารนี้ บ่งชี้ว่า เมื่อวันที่ 2 เดือน 7 ปีที่แล้ว ได้ส่งตับหมูแช่แข็ง 17,059.10 กก. 10 ขีด ราคากิโลกรัมละ 88 บาท รวมกว่า 1,501,200.80 บาท ให้ห้างค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่ง สำนักงานใหญ่ ที่ถ.พัฒนาการ เขตสวนหลวง แต่ให้ส่งที่คลังสินค้าในอำเภอวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เอกสารนี้มีประทับตราการรับสินค้าและระบุว่าลงบัญชีแล้ว



นายอัจฉริย ระบุว่านำเอกสารที่มาเปิดเผยเพื่อชี้ให้เห็นด้วยความสงสัยว่า เหตุใดห้างค้าส่งขนาดใหญ่ ที่มีฟาร์มหมูมีมาตรฐานระดับประเทศ ถึงต้องนำเข้าตับหมูจากบริษัทที่ถูกดีเอสไอ ออกหมายจับฐานนำเข้าหมูเถื่อนอย่างผิดกฎหมาย ทำไมแมคโคร ถึงซื้อตับหมู จากบริษัทที่ดีเอสไออกหมายจับ คือเวล์ทซี่ เหตุใดสยามแมคโคร วังน้อยถึงซื้อจากต่างประเทศ ได้บอกไหมว่าสยามแม็คโคร มาที่ห้างแม็คโคร



นายอัจฉริยะยังระบุว่ามีเอกสารเช่นนี้อีกมาก ที่บ่งชี้ว่ามีการส่งวัตถุดิบจากหมูนำเข้าไปให้ห้างค้าส่งดังกล่าวในระยะปี 2564 และ 65 ซึ่งเขาเรียกร้องให้อธิบายข้อเท็จจริงต่อสังคม



ไม่เพียงเท่านั้น นายอัจฉริยะที่เป็นผู้ร้องทุกข์กรณีหมูเถื่อนตั้งแต่แรก และเป็นผุ้ช่วยเจ้าพนักงานในการชี้เป้าตามที่ดีเอสไอนำเสนอต่อศาล ยังได้เสนอหลักฐานที่เขาอ้างว่า เป็นบัญชีจ่ายทั้งบนดินและใต้ดิน



เอกสารนี้ ระบุชื่อ บ.มายเฮาส์ เทรดดิ้ง เป็นใบปิดบัญชีเลขขนสินค้า ลงท้ายด้วย 0670 ของตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ น้ำหนัก 25 ตัน วันที่ 23 กันยายน ปีที่แล้ว ระบุว่าตู้นี้ มีค่าใช้จ่าย แบบที่มีใบเสร็จ และไม่มีใบเสร็จ กรณีที่มีใบเสร็จ เช่น ค่าธรรมเนียมใบขน / ยิงใบขิน / ค่าล่วงเวลา ค่ายกตู้และไฟ และค่าล้างตู้ เป็นต้น



ส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่มีใบเสร็จ เขียนว่า หมออ็อด 3 หมื่นบาท /นายตรวจ 1 หมื่นบาท /เสนอเรื่อง รอ1 พัน เป็นต้น / รวมตู้นี้มีค่าใช้จ่าย 375,789 บาท / เอกสารอีกหลายใบ ที่เขียนว่าใบปิดบัญชีก็คล้ายๆกัน มียอดรวมค่าใช้จ่ายต่อตู้ ราว 3 แสน 5 หมื่น ถึง 6 หมื่นบาท



เอกสารชุดนี้ นายอัจฉริยะ ระบุว่าเป็นยอดรวม เช่นตู้นี้น้ำหนัก 25079 กิโลกรัม จ่ายให้จนท.บางคนของศุลกากร กิโลละ 13 บาท รวมค่าเคลียร์ 326, 033 บาท เพิ่มอีก 3 พัน และมีค่าหัวบริษัท คือค่าที่ใช้บิลของบริษัทชิปปิ้งที่นำเข้าตู้ละ 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังจ่ายเข้าปลายทางที่มหาชัย อีก1 หมื่นบาท



ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่นายอัจฉริยะ ระบุว่าดีเอสไอยึดได้จากการตรวจค้น และเป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐทั้งกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร ต้องชี้แจงด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News