นายกฯ แถลงหลังจบภารกิจประชุม UNGA เผย บริษัทต่างชาติ สนใจลงทุนในไทย มูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เดินทางถึงประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้เปิดแถงข่าวเพื่อชี้แจงผลการไปปฎิบัติหน้าที่ ในการประชุม UNGA ที่สหรัฐอเมริกาโดยระบุว่ามีบริษัทต่างชาติ สนใจลงทุนในประเทศไทย มูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเตรียมเปิดประตูการค้าในการประชุม APEC ตั้งเป้าจะเชิญนักธุรกิจไทยไปร่วมด้วย


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังกลับจากภารกิจประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA ที่สหรัฐอเมริกา โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าตลอด 4 วันที่ผ่านมา ได้ประชุมกับผู้นำหลายประเทศ รวมถึงกล่าวสุนทรพจน์ 5 ครั้ง พบองค์กรต่าง ๆ อีก 2 องค์กร รวมถึงบริษัท ใหญ่ระดับโลก อาทิ Tesla, Google, Microsoft, Citibank, JP Morgan, Estee Luder พร้อมระบุว่า บริษัทเหล่านี้ มีความสนใจที่จะมาลงทุน หรือลงทุนแล้วตามรูปแบบต่าง ๆ แต่นายกรัฐมนตรีได้ไปทำหน้าที่ประกาศอีกครั้งว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมและยินดี ที่จะให้บริษัทเหล่านี้ มาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น


นอกจากนี้ ยังได้พบกับ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าบริษัทดี ๆ หลายแห่งในไทยไม่เคยไปจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ตอนนี้ได้เห็นลู่ทางแล้ว หวังว่าปีนี้จะมีบริษัทไทย ได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ขณะที่สหประชาชาติแสดงความเป็นห่วงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ที่มีความขัดแย้งแตกแยก และประเด็นสำคัญคือ เรื่องการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนทั้ง17ข้อ ซึ่งทุกประเทศให้ ความสำคัญ อีกทั้ง 190 กว่าประเทศ มีเป้าหมายเดียวกันคือมุ่งไปสู่การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน รวมถึงเรื่องภาวะโลกร้อน ซึ่งเวลานี้กลายเป็นภาวะโลกเดือดแล้ว เป็นเรื่องที่ต้องให้ ความสำคัญอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน ประเทศใกล้เคียงต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ลี้ภัยสงครามที่อพยพมา


นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ภารกิจเดินทางไปต่างประเทศครั้งต่อไป คือการร่วมประชุม APEC ณ เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้นัดหมายกับหลายบริษัท รวมถึงเชื้อเชิญบริษัทในไทย ที่ประสงค์จะเปิดประตูทางการค้าด้วย โดยคณะผู้แทนรัฐบาลไทย จะเดินทางล่วงหน้าไปก่อน 2 วัน เพื่อเปิดให้นักธุรกิจไทยไปพบปะกับบริษัทใหญ่ ๆ ของสหรัฐอเมริกา นอกจากบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ได้ไปพบปะแล้ว ยังมีบริษัทด้านการเงินที่มีความสำคัญ เพราะบริษัทต่างประเทศ ที่เข้ามาลงทุนในไทยก็ต้องการแรงสนับสนุนในด้านการเงิน


นายเศรษฐา ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินมูลค่าตัวเลข ที่ต่างชาติจะมาลงทุนในไทย แต่หากยกตัวอย่างภาคอุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยี เช่น Tesla หรือ Google คาดว่ามูลค่าเบื้องต้น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.7 แสนล้านบาท


นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ได้พบกับผู้แทนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า เพื่อพูดคุยถึงกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ที่จะมาเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดแข่งขัน ฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า เวิล์ดคัพ ปี 2032 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นแผนการที่ไม่ง่าย // อย่างไรก็ตามไทยยังต้องการความสนับสนุนจากฟีฟ่าในเรื่องของฟุตบอลรากหญ้า จากเดิมที่เคย สนับสนุนไทยปีละ 2.5 แสนเหรียญ เป็น 2 ล้านเหรียญ พร้อมกันนี้ ยังคาดหวังให้พัฒนาเด็ก และเยาวชนให้ถึงจุดที่ควรจะเป็น