'นายกฯ' เข้าร่วมประชุม UNGA 78 พร้อมเผยเสนอแนวคิดหุ้นกู้ธุรกิจสีเขียว-มีกำหนดพบเอกชนสหรัฐ เพื่อชวนลงทุนในไทย

นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาแล้ว เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ UNGA ครั้งที่ 78 ซึ่งนอกจากการร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDG Summit แล้ว นายกรัฐมนตรีเตรียมเสนอแนวคิดการเปิดหุ้นกู้สีเขียว เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจในการทำธุรกิจสีเขียวให้มากขึ้น ขณะที่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงการเช่าเหมาลำเครื่องบินของการบินไทยราคาถูกกว่ากองทัพอากาศ ส่วนคณะที่เดินทางไม่มีเอกชนร่วมด้วย มีเพียงบุตรสาวนายกรัฐมนตรี ที่มาช่วยงานภริยานายกรัฐมนตรี และออกค่าใช้จ่ายเอง


นายเศรษฐา ทีวิน นายกรัมนตรี และรมว.กระทรวงการคลัง พร้อมด้วยภริยา พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน และคณะ ประกอบด้วยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงท่าอากาศยานจอห์นเอฟเคเนดี้ นครยิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาแล้ว เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2566 ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐฯ​ซึ่งช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง ก่อนจะเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG Summit และนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ในลำดับที่ 10 ในช่วง Leaders ’ Dialogue6 "Mobilizing Finance and investments and the means of implementation for SDGs achievement ซึ่งนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับข่าว 3 มิติว่าได้เสนอแนวคิดว่าด้วยการออกหุ้นกู้ธุรกิจสีเขียว เพื่อส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจสีเขียว โดยจะออกหุ้นกู้ Sustaintibility link bound วงเงิน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐ เช่น Tesla ไมโครซอฟท์ ซิติี้แบงก์ เอสเต้ ลาวเดอร์ และ แบล็กร็อก กองทุนเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เพื่อเชิญชวนมาลงทุนในไทยและขยายการลุงทุน


ส่วนการเดินทางเยือนสหรัฐฯ พร้อมคณะ 50 คนและมีการเช่าเครื่องบินเหมาลำของการบินไทย นายกรัฐมนตรีได้มีการยืนยันผ่านข่าว 3 มิติแล้วว่าเป็นการใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ และนายกรัฐมนตรีนั่งในชั้นบิสสิเนส คลาส รวมกับคณะข้าราชการระดับสูง เพราะการเลือกเครื่องบินเหมาลำนี้ไม่มีชั้น เฟริ์สคลาส จึงไม่ได้นั่งเฟริ์สคลาสอย่างที่ถูกกล่าวหา


ขณะที่ น.ส.นัทรียา​ ทวีวงศ์​ รองเลขานายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ชี้แจงกรณีนายกรัฐมนตรีและคณะเช่าเหมาลำเครื่องบิน ของการบินไทย นอกจากเรื่องงบประมาณที่ถูกกว่าเครื่องบินกองทัพอากาศ ที่เสนอราคาอยู่ที่ 32 ล้านบาท ขณะที่การบินไทยเสนอเดิมในราคา 25 ล้าน​บาท แต่สาเหตุที่ขึ้นราคาเป็น 30 ล้านเนื่องจากมีการขยับตัวของราคาน้ำมันในสหรัฐฯ และเครื่องบินกองทุพอากาศ มี First class 6 ที่นั่ง​ และ Business class 30 ที่นั่ง ซึ่งสามารถใช้งานได้จริงเพียง 15 ที่นั่ง เมื่อเทียบราคากองทัพอากาศเสนอราคาสูงกว่าของการบินไทย​ และกองทัพอากาศไม่สามารถรับประกันได้ว่าเมื่อถึงเวลาการเดินทาง หากกองทัพอากาศติดภารกิจไม่สามารถให้บริการได้​


ส่วนเรื่องค่าอาหาร​ บริษัทการบินไทยคิดอัตราราคาค่าอาหารตามผู้โดยสารปกติของเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป และเป็นอาหารที่บริการบนเครื่องบิน ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบให้ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย จึงมีราคาสูงกว่าอาหารทั่วไป ดังนั้นค่าอาหารที่เฉลี่ยราคาประมาณ 1.5 ล้าน กับผู้โดยสาร 50 คน เฉลี่ยรายละประมาณ 30,000 บาท​ ซึ่งเมื่อคิดไป-กลับจะตกหัวละประมาณ​ 3,000 บาท​ เป็นราคาปกติตามมาตรฐานที่ให้บริการ​


ส่วนผู้ร่วมเดินทาง ยืนยันว่าไม่มีเอกชนร่วมคณะมาด้วย มีเพียง นางสาวชนัญดา ทวีสิน บุตรสาวนายกรัฐมนตรีที่ชำระเงินตามหลักการโดยใช้เงินส่วนตัวในการเดินทางครั้งนี้ และโดยที่ภริยาของท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการเชิญ เพื่อมาดูงานการจัดการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และความเป็นอยู่ของชุมชนไทย ลูกสาวของท่านนายกจึงเดินทางมาช่วยงานคุณแม่ ไม่ได้มีภารกิจเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี แต่ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด


รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรียืนยันด้วยว่า ไทยเข้าร่วมในฐานะผู้นำที่สหรัฐฯ เชิญ ซึ่งจะมีการใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยตามความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีมาเครื่องบินพาณิชย์ที่มีผู้โดยสารอื่นร่วมด้วยของท่าอากาศยานด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลทำตามระเบียบที่โปร่งใส และตามมาตรฐานที่ถูกต้องแล้ว