สังคม
กรมโรงงาน พบ 'เอกอุทัย' ยังลักลอบเทกากอุตสาหกรรมเคมีภายในโรงงาน หลังสั่งหยุดประกอบกิจการชั่วคราว
โดย parichat_p
20 ส.ค. 2566
167 views
ข่าว 3 มิติยังเกาะติดปัญหาการลักลอบทิ้งกากเคมีอุตสาหกรรมในหลายปมปัญหาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กรมโรงงานอุตสาหกรรม เผยแพร่ข้อมูลว่า ในระหว่างกำลังนำคำสั่ง ตามมาตรา 39 วรรค 1 สั่งให้บริษัทเอกอุทัย หยุดประกอบกิจการชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาที่พบกากเคมีอุตสาหกรรมถูกทิ้งภายในพื้นที่โรงงานให้แล้วเสร็จ แต่กลายเป็นว่า พบการทิ้งกากอุตสาหกรรมในโรงงงานเพิ่มอีกอย่างอุกอาจ และมีท่อน้ำทิ้งต่อจากโรงงานไปที่ดินชาวบ้านด้วย ปัญหานี้พบในระหว่างที่มีข้อมูลยืนยันว่า บริษัทเอกอุทัย เปลี่ยนชื่อกรรมการบริหาร เป็นชุดใหม่ทั้งหมดแล้ว
ช่องทางสื่อสารออนไลน์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมหลายช่องทาง เผยแพร่ภาพและข้อมูลยืนยันว่า ขณะเจ้าหน้าที่นำคำสั่งตามมาตรา 39 วรรค 1 ของกรมโรงงานฯ ที่ลงนาม โดยรองอธิบดี ไปติดประกาศที่หน้าบริษัทเอกอุทัย จำกัด ตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อให้โรงงานปรัปปรุงแก้ไขข้อบกพร่องจำนวน 4 ข้อ จากทั้งหมด 6 ข้อที่เคยออกคำสั่งไปเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ปีนี้ ให้แล้วเสร็จ แต่ปรากฎว่าในระหว่างนำคำสั่งไปปิดประกาศ กลับพบว่ามีกากอุตสาหกรรมสารเคมี ถูกทิ้งกระจัดกระจายอย่างมาก
ขณะนั้นมีหญิงคนหนึ่งอ้างว่าเป็นคนดูแล และห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปในโรงงานอย่างเด็ด แต่เนื่องจากกรมโรงงงานเป็นผู้ออกใบอนุญาต และมีเงื่อนไขอยู่แล้วว่าโรงงาน ต้องพร้อมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบได้ทุกเมื่อหากพบสิ่งผิดปกติ จึงประสานตำรวจ ปทส. ตำรวจท้องที่ และฝ่ายปกครองเข้าร่วมตรวจสอบด้วย จึงพบหลักฐานว่า รางระบายน้ำฝนภายในโรงงาน มีคราบของเหลวที่เป็นกากอุตสาหกรรมกระจายเกลื่อนร่องน้ำ บริเวณใดที่เป็นที่ลุ่มต่ำ แอ่งน้ำขัง ก็มีน้ำเสียสารเคมี จำพวก กรด ถูกเทกระจัดกระจาย
เจ้าหน้าที่อีกหลายชุดตระเวนเดินตรวจสอบรอบๆโรงงงาน ไปจนถึงด้านหลังโรงงานซึ่งมีที่นาของชาวบ้านอยู่ล้อมรอบ ก็ยังพบว่ามีร่องรอยกากอุตสาหกรรมเคมี ถูกเทลงไปปะปน โดยเฉพาะบางจุด มีท่อpvc ที่ต่อท่อกากอุตสาหกรรมจากโรงงาน ออกไประบายทิ้งนอกโรงงานอย่างชัดเจน
ภาพหลักฐานเหล่านี้ ถูกเจ้าหน้าที่เก็บไว้ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นพฤติกรรมที่กระทำอย่างอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย รวมถึงคำสั่งที่ยังบังคับใช้อยู่ เนื่องจากโรงงานบริษัทเอกอุทัยฯ ได้รับอนุญาตประกอบกิจการรีไซเคิลประเภท 106 รับกำจัดกากอุตสาหกรรม ที่จัดว่าเป็นสารเคมีอันตราย แต่เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ปีนี้ กรมโรงรงงานออกคำสั่งตามมาตรา 37 วรรค 1 โดยอุตสาหกรรมจังหวัด ให้โรงงานปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง 6 ข้อ ที่อาจก่อให้เกิดมลพิษต่อสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นระบบระบายน้ำฝนที่ชะล้างน้ำเสียสารเคมี ออกไปสู่ธรรมชาติโดยไม่ได้บำบัด รวมถึงให้ปรับปรุง ระบบดูแลลถังกากอุตสาหกรรมที่มีฤทธิ์เป็นกรด ที่อาจปนเปื้อนธรรมชาติ เป็นต้น
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเมื่อ กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าแก้ไขได้ 2 ข้อ ยังเหลือ 6 ข้อที่ไม่แล้วเสร็จ จึงนำคำสั่งใหม่ตามมตรา 39 วรรค 1 ไปติดประกาศซ้ำ เมื่อ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา กระทั่งพบว่ามีการลักลอบทิ้งเพิ่มอีกดังกล่าว /ล่าสุดเจ้าหน้าที่อายัด เครื่องจัก เครื่องมือ รถบรรทุกเป็นต้นในโรงงานนี้ และคำสั่งซึ่งติดประกาศใหม่ที่มี 2 ฉบับดังกล่าว กำหนดให้หยุดประกอบกิจการชั่วคราวจนกว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จภายใน 31 สิงหาคมนี้
ยังไม่มีข้อเท็จจริงว่า กากอุตสาหกรรมสารเคมี ที่พบในร่องน้ำ แอ่งดิน หรือที่ลุ่มตุ่มในโรงงานเกิดจากสาเหตุใด แต่หลักฐานการต่อท่อระบายน้ำออกจากโรงงานไปนอกโรงงานนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้องสังเกตุว่าเป็นไปได้ยากที่จะเป็นอุบัติเหตุ ขณะเดียวกันหากเป็นความตั้งใจทิ้งจริง ก็ยากที่จะประเมินปริมาณของกากอุตสาหกรรมที่ปนเปื้อนได้ยาก เพราะในโรงงานมีกากอุตสาหกรรมโดยเฉพาะของเหลว เช่นกรด อยู่เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม มีเบาะแสที่ชัดเจนว่าบริษัทเอกอุทัย แห่งนี้ถูกซื้อกิจการไปแล้วโดยกลุ่มบริษัทใหม่ ซึ่งทำธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม ในภาคตะวันออกของประเทศ มาซื้อกิจการนี้ และมีการเปลี่ยนชื่อกรรมการผูู้ถือหุ้น และผู้จัดการโรงงานทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ขณะที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยกับข่าว 3 มิติก่อนหน้านี้แล้วเช่นกันว่า ต่อให้โรงงานขายกิจการหรือเปลี่ยนกรรมการผู้บริหารใหม่ แต่ความรับผิดชอบทางคดียังมีอยู่นั่น คือความผิดเดิมบริษัทในนามนิติบุคคล ยังต้องรับผิดชอบ / และกรมได้ดำเนินคดี กรรมการเป็นรายบุคคลไว้ด้วย เมื่อขายกิจการแล้ว ของผิดของกรรการชุดเดิมยังมี / ขณะที่กรรมการชุดใหม่ แม้ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ภาระของนิติบุคคลยังมีอยู่ (จบแฟ้มภาพ)
นอกจากนี้ กรณีหากการเทสารเคมี จนปนเปื้อนที่สาธารณะ สภาพแวดล้อม หรือหากมีความผิดอื่นใดที่เกี่ยวเนื่องกับกรรมการชุดใหม่ และผลการสอบสวนเชื่อมโยงไปถึง เป็นการยากที่กรรมการชุดใหม่จะรอดพ้นจากความรับผิดชอบไปได้