ผู้เลี้ยงสุกรร้อง DSI เปิดคอนเทนเนอร์อีกกว่า 800 ตู้ ที่อาจซุกซ่อนหมูเถื่อนลักลอบนำเข้า

กลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย เรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดตู้คอนเทนเนอร์อีกกว่า 800 ตู้ ที่อาจจะมีเนื้อหมูเถื่อนลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย โดยอ้างอิงว่า กรมศุลกากรเคยแจ้งว่ามีการตรวจสอบพบคอนเทนเนอร์ตกค้างกว่า 1 พันตู้ แต่ตรวจสอบไปได้ราว 200 ตู้เท่านั้น


นายสัตวแพทย์วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยทั่วประเทศ พร้อมนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรม ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึงพันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้าการคลี่คลาย คดีนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคอนเทนเนอร์แล้ว 161 ตู้ ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลว่ายังมีคอนเทนเนอร์ที่ยึดไว้อีกจำนวนมาก ที่ยังไม่ได้เปิดตรวจสอบ


นายอัจฉริยะ อ้างอิงว่า กรมศุลกากร เคยให้ข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ว่า มีตู้คอนเทนเนอร์ตกค้าง 64 ตู้ เปิดตรวจสอบแล้ว 5 ตู้ จากนั้นก็ให้ข่าวเมื่อ 31 มีนาคม 2566 ว่ามีตู้ตกค้าง 1 พัน ตู้ เปิดตรวจสอบ 2 ตู้ ขณะที่วันที่ 19 เมษายน 2566 ระบุว่าสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เปิดตู้ตกค้าง 220 ตู้ พบเนื้อหมูเถื่อน 161 ตู้ ซึ่งทั้ง 161 ตู้นี้ เป็นคอนเทนเนอร์ที่เปิดตรวจสอบจนครบแล้ว


จำนวนตู้ดังกล่าว คือข้อมูลที่นายอัจฉริยะ ระบุว่ามีคอนเทนเนอร์ตกค้างที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอีกราว 800 ตู้ ซึ่งอาจจะมีเนื้อหมูเถื่อนอยู่ในนั้น จึงเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษไปแล้ว เร่งตรวจสอบคอนเทนเนอร์ที่เหลือ รวมถึงตรวจสอบคอนเทนเนอร์อื่นๆที่มีพิรุธ และตกค้างอยู่ที่หลายจังหวัดในภูมิภาค เช่นสงขลา ตรัง และมุกดาหาร เป็นต้น


ขณะที่นายสัตวแพทย์วิวัฒน์ ยืนยันว่าผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศกำลังเดือดร้อนหนัก จากปัญหาหมูเถื่อนที่ระบาดไม่หยุด และแม้จะตรวจยึด161 ตู้ แต่ราคาเนื้อหมูของเกษตรกร ในประเทศ ก็ไม่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะต้นทุนอาหารสัตว์ที่แพงทำให้ลดราคาไม่ได้ และส่วนหนึ่งก็เพราะมีสินค้าเถื่อนล้นตลาด จึงต้องเร่งแก้ไขก่อนที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจะเสียหายทั้งระบบ


นอกจากเร่งรัดให้ตรวจสอบคอนเทนเนอร์อีกว่า 800 ตู้ที่ยังเหลืออยู่แล้ว กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ยังขอให้ดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมปศุสัตว์ และกรมศุลกากร นำเนื้อสุกร ทั้ง 161 ตู้ ที่ตรวจสอบแล้ว ไปฝังทำลายด้วยวิธีที่โปร่งใส รัดกุม ป้องกันการของกลางกลับมาเวียนขายในท้องตลาดอีกครั้ง