'ชัชชาติ' ชี้ แอชตันอโศก มีทางออก ไม่ต้องทุบ เผยใบอนุญาตระบุเจ้าของต้องรับผิดชอบหากมีปัญหา

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่ากทม.เตรียมชี้แจงรายละเอียดใบอนุญาตก่อสร้างโครงการแอชตัน อโศก ในวันพฤหัสบดีนี้ แต่เบื้องต้นระบุว่าใบอนุญาตที่ออกให้ ก่อนหน้านี้ มีเงื่อนไขกำหนดชัดเจน ว่าหากเกิดปัญหาเรื่องทางเข้าออก โครงการต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และ กทม.ทราบประเด็นข้อพิพาท เรื่องทางเข้าออกโครงการนี้ พอสมควร ที่อาจมีปัญหาในการตีความข้อกฎหมาย จึงกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวไว้ด้วย ขณะเดียวกัน ก็ยืนยันว่าตัวอาคารไม่ได้มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย และ ณ ขณะนี้หากมีเหตุฉุกเฉิน รถดับเพลิงของกทม. ก็ยังเข้าปฏิบัติงานได้



นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า วันพฤหัสบดี ที่ 3 สิงหาคมนี้ กทม.จะชี้แจงใบอนุญาตก่อสร้าง ที่ออกให้โครงการแอชตัน อโศก ตั้งแต่แรก รวมถึงแนวทางนับจากนี้ แต่เบื้องต้นก็ระบุว่า เรื่องนี้เป็นความไม่ชัดเจนเรื่องตความทางกฎหมายตั้งแต่แรก และเชื่อว่าเจ้าพนักงานที่อนุญาต ก็กังวลใจที่จะถูกดำเนิน คดีตามมาตรา 157 เช่นกัน หากไม่ออกใบอนุญาตให้ กรณีนี้จึงเป็นใบอนุญาตที่มีเงื่อนไขตั้งแต่ต้นว่า หากมีปัญหาโครงการฯต้องรับผิดชอบ



ข้อมูลจากข่าว 3 มิติพบว่าประเด็นทางเข้าออกโครงการ ที่ต้องมีถนนเข้า-ออก โคงการ กว้างตั้งแต่ 12 เมตรขึ้นไป เพื่อให้ตรงตามระเบียบการสร้างอาคารสูงเกินกว่า 9 ชั้น นั้น ถือเป็นปัญหาแรกๆของโครงการนี้ ที่ผู้พัฒนาโครงการพยามยามแก้ไข ทั้งในแง่การเจรจาจะซื้อห้องแถวเพื่อขยายถนนเดิม ที่เคยมีอยู่แล้วแต่ไม่เป็นผล รวมถึงปัญหาที่ขณะนั้น โครงการสร้างแล้วเสร็จ แต่ยังทำนิติกรรมโอนให้ผู้ซื้อไม่ได้ เนื่องจากพื้นที่สีเขียวของโครงการไม่ตรงตาม EIA แต่ประเด็นเรื่องพื้นที่สีเขียว โครงการได้แก้ไขจนแล้วเสร็จ



ส่วนประเด็นทางเข้า-ออกโครงการที่ยังเป็นปัญหา ขณะนั้นผู้พัฒนาโครงการระบุว่าได้หารือการใช้ประโยชน์ร่วมกัน กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน หรือ รฟม.ตามแนวคิดการพัฒนาเมืองและชุมชนเมืองควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง หรือ Transit Oriented Development ซึ่งมีชื่อย่อว่า TOD โดยโครงการนี้ ทำเรื่่องขอใช้ประโยชน์ที่ดินของ รมฟ. เพื่อเป็นทางออก-เข้า ที่มีขนาดถนนกว้าง ตั้งแต่ 12 เมตรดังกล่าว แลกกับการที่โครงการแอชตัน จะพัฒนาลาน และอาคารจอดรถให้ รมฟ.มูลค่าราว 96 ล้านบาท และโครงการก็มีหนังสือรับรองจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึง จากรมฟ. ไปประกอบการอนุญาต จาก กทม.ด้วย กรณีนี้จึงเป็นที่มาว่า หาก กทม. ไม่ออกใบอนุญาตให้ อาจถูกดำเนินคดีตามมาตรา 157 และในที่สุดจึงกำหนดเงื่อนไขไว้ในใบอนุญาตว่าโครงการต้องรับผิดชอบ หากเกิดปัญหาขึ้น



อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่าตัวอาคารแอชตัน ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย และถนนเข้า-ออกโครงการที่เป็นประเด็นพิพาทขณะนี้ ก็ยังใช้ได้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น รถดับเพลิงของ กทม.ก็ยังเข้าทำงานได้เช่นกัน



เมื่อวานนี้บริษัท อนันดา ที่เป็นผู้พัฒนาโครงการแอชตัน อโศก ส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งถึงผลกระทบคำพิพากษาและแนวทางแก้ไขของบริษัท 3 แนวทางคือ บริษัทกำลังรวบรวมความเสียหายทั้งหมด,คำพิพากษาศาลปกครอง ให้เพิกถอนใบอนุญาต แต่ความเสียหายดังกล่าวยังแก้ไขได้ และบริษัทเห็นว่า ไม่จำเป็นต้อง รื้อถอนอาคาร โดยมีแนวทางแก้ไขอีกหลายแนวทาง และแนวทางที่ 3 คือ บริษัทกำลังหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางอนุมัติหรืออนุญาตให้ทำโครงการฯ เพื่อไม่ให้ผู้ซื้อห้องชุดเดือดร้อน