'อนันดา' เตรียมเข้าพบผู้ว่าฯ กทม.-รฟม. ยันมีแนวทางแก้ไขกรณี 'แอชตัน อโศก'

ความคืบหน้าคอนโด "แอชตันอโศก" วันนี้ "บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์" ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเข้าพบผู้ว่าฯกทม. และรฟม. ในสัปดาห์นี้ ด้านกรุงเทพมหานคร เปิดแนวทางที่ไม่ต้องรื้อถอนคอนโด แต่ให้แจ้งขอก่อสร้างใหม่ให้ถูกต้อง ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ล่าสุด ได้ตั้งคณะทำงาน-เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน



-นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลกระทบจากคำพิพากษาคดีโครงการแอชตัน อโศก และแนวทางการแก้ไขของบริษัท ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการใน 3 แนวทาง



1.คณะกรรมการบริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ และบริษัทร่วมทุน ได้รวบรวมความเสียหายและแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อติดต่อเจรจากับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน ส่วนมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้น อยู่ระหว่างการประเมิน



2.แม้ศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษาเพิกถอนฯ แต่ความเสียหายดังกล่าวยังสามารถแก้ไขได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ ได้เสนอทางแก้ตามที่เป็นข่าวต่อสาธารณะไปแล้วว่า "กรณีที่ศาลเพิกถอนใบอนุญาตโครงการ ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนอาคาร"



ซึ่งบริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ กำลังพิจารณาหาแนวทางแก้ไขที่มีอยู่หลายแนวทาง โดยจะขอเข้าพบผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ภายใน 14 วันทำการ ซึ่งก็จะดำเนินการภายในสัปดาห์นี้



และ 3. บริษัท อนันดา เอ็มเอฟฯ อยู่ระหว่างการประชุมหารือร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการอนุมัติ หรือ อนุญาตให้ทำโครงการแอชตัน อโศก เพื่อแก้ไขความเสียหายให้กับประชาชนผู้ซื้อห้องชุด ควบคู่กับการพิจารณาแนวทางอื่น ที่มีอยู่หลายแนวทางด้วย และบริษัทฯจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเพิ่มเติม ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป



ทั้งนี้ ผู้คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ได้ชี้ทางออก คือต้องลงทุนเพิ่ม ซึ่งนอกจากซื้อตึกแถว ทำทางเข้า-ออกทางสุขุมวิทซอย 19 ยังมีอีกทางออก คือ ซื้อที่ดิน "สมาคมนามธารี สังคัต แห่งประเทศไทย" ที่อยู่ด้านทิศใต้ของโครงการ ซึ่งเป็นที่ว่างอยู่ เพื่อทำทางออกไปถนนอโศกมนตรี และยื่นขออนุญาตก่อสร้างใหม่ ซึ่งดูจะเป็นทางออกเดียว ที่จะทำให้ไม่ต้องทุบตึก



ทีมข่าวลงพื้นที่ ซอยสุขุมวิท 19 เเละซอยสุขุมวิท 19/2 รวมไปถึงพื้นที่โครงการหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งมีพื้นที่ติดกับคอนโดแอชตัน อโศก พบว่า ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ มีการเปิดเป็นร้านค้าธุรกิจ รวมถึงโรงแรมขนาดเล็ก



จากการพูดคุยกับเจ้าของอาคารรายหนึ่ง ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เคยได้รับการติดต่อจากตัวแทนบริษัท หรือจากทางคอนโด จึงไม่ทราบว่า จะมีการกว้านซื้อที่ดินบริเวณนี้หรือไม่ แต่หากจะมีการซื้อจริง คงจะยากเพราะ เจ้าของตึกบางรายไม่ได้อยากขาย โดยราคาในปัจจุบัน ตามขนาดที่ดินของเธอ มีราคาซื้อขาย ประมาณ 30 -50 ล้านบาท ซึ่งในซอยมีอาคารที่ตั้งรวมกว่า 20 อาคาร ขนาดแตกต่างกันไป



ส่วนของบริเวณหน้าถนนสุขุมวิท ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเปิดเป็นธุรกิจ ร้านค้า รวมถึงบริษัท ราคาก็สูงขึ้นอีก จากการสอบถามอาคารพานิชย์ บริเวณด้านหน้าที่ติดกับถนนซอยสุขุมวิท 19 มีราคาซื้อขายตั้งแต่ 120 ล้านบาทขึ้นไป



ขณะที่สมาคมนามธารี สังคัต แห่งประเทศไทย ซึ่งพื้นที่บางส่วนติดกับสวนของคอนโดแอชตัน อโศก เเละใกล้กับทางออก มีรายงานว่า ทางสมาคมฯอาจจะขายที่ให้หากทางโครงการแอชตัน อโศก สนใจ แต่จนถึงขณะนี้ ทางโครงการยังไม่ได้ติดต่อมา



ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทางสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร จะมีหนังสือแจ้ง สำนักงานเขตวัฒนา พิจารณาออกคำสั่งให้เจ้าของอาคาร ดำเนินการแก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคาร โดยใช้อำนาจตามมาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 แล้วแต่กรณี



นายวิศณุ บอกอีกว่า การเพิกถอนใบรับแจ้งการก่อสร้าง ไม่ได้หมายความว่า อาคารชุดแอชตัน อโศก จะต้องมีการรื้อถอนอาคาร บริษัทผู้เป็นเจ้าของโครงการ สามารถยื่นขอใบแจ้งก่อสร้างใหม่ได้ ที่สำนักงานเขตวัฒนา โดยบริษัทจะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่ศาลสั่ง ซึ่งก็คือเพิ่มทางเข้า-ออกโครงการให้มีความกว้างของถนน 12 เมตร และอยู่ติดกับถนนสาธารณะที่มีความกว้าง 18 เมตร ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายควบคุมอาคาร และกฎหมายผังเมืองกำหนด หากบริษัทเจ้าของโครงการ สามารถปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางเข้า-ออกแล้วเสร็จ ก็สามารถยื่นขอใบแจ้งก่อสร้างได้ "สำหรับกรณีนี้ กทม.ขอเวลาให้ทีมกฎหมายพิจารณารายละเอียด ตามคำพิพากษาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากมีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนอย่างสูง" โดยวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง