'ส่วยสติกเกอร์' ต้นตอปัญหาคือ ตำรวจ หรือ รถบรรทุก ?

เรื่องส่วยสติกเกอร์ยังคงถูกจับตาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายหนึ่งแฉปัญหาที่ฝังรากลึก อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ขอตรวจสอบก่อนว่า มีใครไปรับส่วย หรือได้รับผลประโยชน์จากสติกเกอร์รถบรรทุกหรือไม่ ทั้งที่การแก้ปัญหานี้ ทุกฝ่ายควรยอมรับในปัญหา แล้วร่วมกันแก้ให้สำเร็จ เพราะปัญหาส่วยรถบรรทุกเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกมานานกว่า 50 ปี เอาเฉพาะที่มีการทำสติกเกอร์ขายก็เกือบ 30 ปีแล้ว



ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ออกมาบอกว่า ต้นตอของปัญหาส่วย คือ ผู้ประกอบการรถบรรทุก ที่ฝ่าฝืนบรรทุกน้ำเกิน ฝั่งสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย จึงตอบโต้ทันทีว่า ต้นตอของปัญหาคือตำรวจที่รับส่วย ไปร่วมกับผู้ประกอบการบางกลุ่ม หาประโยชน์จากการขายสติกเกอร์



หลังจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคก้าวไกล ออกมาเปิดเผยเรื่องส่วยสติกเกอร์ เคลียร์เส้นทางผ่านได้ทุกด่าน โดยไม่ถูกจับแม้บรรทุกน้ำหนักเงิน เพราะ คนขายสติกเกอร์ นำเงินส่งส่วยตำรวจบางกลุ่ม วันนี้ พลตำรวจตรี เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ยอมรับว่า ปัญหาเรื่องส่วยมีมานาน ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ ที่รถบรรทุกหนักเกิน หากจะไม่ให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินก็ต้องต้องแก้กฎหมาย จับ-ปรับ เอาผิดผู้ประกอบการให้หนัก เพราะในปัจจุบันกฎหมายให้ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่เท่านั้น ไม่ได้เอาผิดผู้ประกอบการรถบรรทุก เมื่อผู้ประกอบการไม่ได้รับผลกระทบ จึงเกิดการกระทำความผิดซ้ำ



ประเด็นที่ให้แก้ที่ต้นตอปัญหาส่วยคือรถบรรทุก ทำให้ผู้บริหารสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตอบโต้ทันทีว่า กลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกส่วนใหญ่ บรรทุกน้ำหนักตามกฏหมาย แม้จะเสียเปรียบพวกที่ซื้อสติกเกอร์ และขายสติกเกอร์ ที่บรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า ทำให้การแข่งขันเรื่องราคาการขนส่งจึงได้เปรียบ ต้นตอของปัญหาจึงอยู่ที่ตำรวจ และผู้ประกอบการที่ไม่ดี ร่วมมือกันขายสติกเกอร์ นำเงินมาจัดสรรแบ่งกัน



นายศุกศักดิ์ ยังให้ข้อมูลด้วยว่า ปัจจุบันมีตัวแทนขายสติกกอร์รายใหญ่อยู่ประมาณ 10 ราย และรายเล็กๆ อีก 40-50 ราย ราคาของสติกเกอร์มีตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักหมื่นบาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้-ไกล น้ำหนักที่บรรทุก ส่วนใหญ่คนที่ซื้อ คือ ผู้ประกอบการที่ต้องการบรรทุกน้ำหนักเกิน โดยรถบรรทุกที่มีสติกเกอร์นี้ จะเรียกกันว่า "รถติดเทอร์โบ" สติกเกอร์ที่แพงที่สุด ราคาประมาณ 3 หมื่นบาทต่อเดือน สามารถบรรทุกหนักได้แบบอันลิมิต แบบนี้ในวงการจะเรียกว่า "ซุปเปอร์เทอร์โบ"