สังคม

'พิธา' ยันพร้อมชี้แจงต่อ กกต. ปมถือหุ้น ITV เชื่ออาจเป็นเกมการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในโค้งสุดท้าย

โดย parichat_p

10 พ.ค. 2566

70 views

ความเคลื่อนไหว กรณีนายเรืองไกร ลิกิจวัฒนะ ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตรวจสอบกรณี พบชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น ซึ่งนายเรืองไกร ระบุว่าได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.แล้วเช่นกัน ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยเบื้องต้นว่า นายพิธายื่นรายการทรัพย์สินนี้ ไว้เพิ่มเติมภายหลังตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งการยื่นเพิ่มสามารถทำได้ แต่หุ้นดังกล่าว จะเป็นหุ้นสื่อมวลชน ที่ทำให้ขาดคุณสมบัติหรือไม่ เป็นอำนาจหน้าที่ กกต.



นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ยื่่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบแล้ว กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายก รัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ยังมีชื่อถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด ทั้งหมด 42,000 หุ้น โดยตั้งประเด็นว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 ( 3 ) ห้ามผู้ที่เป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ



นายเรืองไกร ยังเปิดเผยเอกสารรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินของนายพิธา ที่ ป.ป.ช.เปิดเผยเมื่อรับตำแหน่ง ส.ส. ปี 2562 ไม่พบว่ามีการแจ้งครอบครองหุ้นไอทีวี จึงเชื่อว่าอาจ เป็นอีกคดี คือปกปิดบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ โดยเรื่องนี้ได้ยื่น ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วเช่นกัน



ส่วนนายพิธา ก็ยืนยันว่าพร้อมชี้แจงต่อ กกต.รอเพียงให้มีคำร้องมา ก็จะชี้แจงทั้งหลักฐานและหลักการทางกฎหมาย จึงไม่กังวลเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าอาจเป็นเกมทางการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้าย 3-4 วัน ก่อนเลือกตั้ง ส่วนประเด็นที่ถูกร้องว่าอาจมีการซุกหุ้นไอทวี หรือปกปิดบัญชีทรัพย์สินนั้น นายพิธา ระบุว่าต้องดูคำร้องก่อน



ขณะที่ทีมข่าวการเมือง ติดต่อไปที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ซึ่งติดภารกิจต่างประเทศ ถึงกรณีการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ที่ไม่อยู่ในบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช.ตอนเข้ามาเป็น ส.ส.ปี 2562 ซึ่งนายนิวัติไชย ระบุว่าได้ทราบเบื้องต้นว่านายพิธา ยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวเพิ่มเติมในภายหลังว่ามีการถือหุ้นไอทีวี ซึ่งสามารถยื่น เพิ่มเติมได้หากไม่ได้มายื่นในตอนแรก แต่หุ้นนี้จะเป็นหุ้นสื่อมวลชนและส่งผลให้ขาดคุณสมบัติหรือไม่ เป็นอำนาจหน้าที่ ของ กกต. ที่จะพิจารณา



กรณีนี้ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ก็แสดงความเห็นผ่านเฟสบุค เชื่อว่านายพิธา น่าจะรอดในเรื่องนี้ โดยเทียบกับคำสั่งศาลฏีกา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรณีนายชาญชัญ อิสระเสนารักษ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ถูก กกต.เขต 2 นครนายก ตัดสิทธิ์ลงสมัคร ส.ส.เพราะถือหุ้น AIS จึงได้ร้องต่อศาล และศาลฏีกาพิพากษาคือสิทธิ์ โดยวินิจฉัยว่านายชาญชัย ถือหุ้นในบริษัท AIS เพียง 200 หุ้น จากจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด 2,873,425,791 หุ้น ถือว่ามีสัดส่วนน้อยมาก ไม่มีอำนาจสั่งการบริษัท AIS เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยนน์แก่ตน และพรรคการเมืองที่สังกัดได้ ดังนั้นการที่ตีความ ให้มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ลงสมัคร ส.ส. จึงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ข้อความส่วนหนึ่งของนายนิพิฏฐ์ ระบุว่าไม่ค่อยชอบนายพิธาเท่าไหร่ แต่เรื่องกฎหมาย ไม่มีฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล มีเพียงการอำนวยความยุติธรรม อย่างสม่ำเสมอภาคกัน เท่านั้นเอง

คุณอาจสนใจ

Related News