สังคม

บช.ก.จ่อสอบเงินบริจาคของ 'ชูวิทย์' เข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

โดย panwilai_c

24 มี.ค. 2566

73 views

เรื่องเงินที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำเงินไปบริจาคโรงพยาบาล 2 แห่ง รวม 6 ล้าน จนต่อมา นายษิทธา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมาระบุว่า เป็นเงินที่สารวัตรซัว ผู้ที่นายชูวิทย์ เคยแฉ เรื่องพนันออนไลน์ เป็นคนนำไปมอบให้นายชูวิทย์ จนเกิดการตอบโต้กันไปมา ล่าสุดวันนี้ โฆษกกองบัญชาาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาระบุว่า เตรียมสอบที่มาเงินของเงิน 6 ล้าน ว่า เข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่



พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงประเด็นที่ นายชูวิทย์ยอมรับว่าได้รับเงิน 6 ล้านบาท จากสารวัตรซัว และนำบริจาคให้โรงพยาบาลว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะต้องพิจารณาก่อนว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจ ในการตรวจสอบในประเด็นนี้หรือไม่ และเงินที่นายชูวิทย์ ได้มาเป็นเงินจากอะไร หากเป็นเงินจากการกระทำความผิด ก็ต้องถูกดำเนินคดีในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน



ส่วนกรณีที่นายษิทธา เบี้ยบังเกิด ออกมาแฉว่า มีตำรวจยศนายพล 2 นายเข้าไปติดต่อกับ นายชูวิทย์ เพื่อให้เลิกแฉคดีสารวัตรซัวนั้น จะต้องรอให้นายษิทธานำหลักฐานเข้ามามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบว่ามีอดีตนายตำรวจกระทำตามที่นายษิทธากล่าวอ้างจริงหรือไม่



ส่วนเรื่องที่มีการพูดถึงเรื่องสกุลเงินดิจิทัลมูลค่า 50 ล้าน ที่กลุ่มทำเวปพนันได้โอนเงินให้กับลูกชายของนายชูวิทย์นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกันว่ามาจากบุคคลใดและเป็นเงินที่มาจากการกระทำผิดกฏหมายหรือไม่



ล่าสุดตำรวจได้มีการปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่ 9 จุด ในกรุงเทพและ จันทบุรี / พร้อมยึด / โทรศัพท์มือถือ / แท็ปแล็ต / คอมพิวเตอร์ / บัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน และหลักฐานสำคัญอื่นๆ อีกหลายรายการ พร้อมเชิญบุคคลเข้ามาสอบปากคำเพื่อขยายผลเพิ่มเติม



หลังจากเข้าตรวจค้น 60 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับสารวัตรซัว มีบุคคลที่จะต้องตรวจสอบถึง 150 คน ขณะนี้สามารถกำจัดวงมาได้เหลือ 20-30 คน ซึ่งบางคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหุ้นในบริษัท และมีทรัพย์สินเกินกว่ารายได้ซึ่งมีความเชื่อมโยงในคดี โดยตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป



ส่วนความเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเรื่องนี้ โดยยอมรับว่า รับเงินมา 6 ล้านบาทจริง ใส่มาถุงละ 3 ล้านบาท 2 ถุง ซึ่งโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ได้ติดต่อขอคืนเงินแล้ว เมื่อได้เงินมาจะนำกลับไปมอบให้ ผบ.ตร. ส่วนที่นายษิทธา ถามว่า ได้เงินสดมาแต่ตอนบริจาคทำไมเป็นแคชเชียร์เช็ค นาย ชูวิทย์ ชี้แจงว่า เพราะโรงพยาบาลไม่รับเงินสด จึงนำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คแล้วนำไปบริจาค และยืนยันว่าไม่ได้โอนไปให้ใคร



ช่วงท้ายของการแถลง นายชูวิทย์ ต่อสายโทรศัพท์ถึง นายอนัตตชัย ไชยเดช ทนายความ เพื่อปรึกษาว่า จะฟ้องร้องนายษิทธา ขณะที่นายษิทธา วันนี้ ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า การบริจาคเงินครั้งนี้ อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ต่างกรรมต่างวาระ

คุณอาจสนใจ

Related News