สังคม

ชาวใต้ขอ ครม.ทบทวนคำสั่งย้ายเลขาธิการ ศอ.บต. ไปประจำสำนักนายกฯ

โดย panwilai_c

2 มี.ค. 2566

135 views

ประชาชนและข้าราชการ ศอ.บต. เข้าให้กำลังใจ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. หลังมีคำสั่งย้ายไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยต่างรู้สึกเสียดายการทำงานอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเวลากว่า 13 ปี จนเป็นที่ยอมรับของประชาชน และเห็นถึงความตั้งใจของพลเรือตรีสมเกียรติ ที่ขอย้ายจากเป็นทหารเรือมาเป็นข้าราชการพลเรือน เพราะตั้งใจสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของประชาชน จึงคาดหวังว่าคณะรัฐมนตรีจะทบทวนคำสั่งใหม่



ข้าราชการในศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. และประชาชน เช่นกลุ่มเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าให้กำลังใจ พลเรือตรี สมเกียรติ ที่คณะรัฐมนตรีมีคำสั่งโอนย้ายไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักนายกรัฐมนตรี สร้างความตกใจให้คนในพื้นที่ เนื่องจาก พลเรือตรีสมเกียรติ ทำงานเป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกภาคส่วน จึงอยากให้ทำงานต่อเนื่อง เพราะประชาชนเข้าถึงได้ง่าย และตั้งใจจริงในการพัฒนาสร้างสันติสุข เครือข่ายชาวพุทธ คาดหวังว่าคณะรัฐมนตรีจะทบทวนคำสั่ง เพราะไม่อยากให้ถูกมองว่าถูกย้ายเพราะการเมืองหรือไม่



เช่นเดียวกับ เจ้าอาวาส วัดพรหมนิวาส และ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ต่างเห็นว่าพลเรือตรีสมเกียรติ เป็นที่รักของชาวพุทธและมุสลิมเป็นความหวังของประชาชนในการสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวนการย้ายครั้งนี้ เพื่อจะได้ทำงานจนเกษียณอายุราชการ



ขณะที่พลเรือตรีสมเกียรติ เปิดใจเพียงสั้นๆ พร้อมยอมรับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แม้จะไม่ทราบล่วงหน้า เพราะเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือขอต่ออายุการทำงานไปยังพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีแล้ว เนื่องจากจะครบการทำงาน 4 ปีในวันที่ 19 เมษายนนี้ และเหลืออายุราชการอีก 6 เดือน จึงตั้งใจจะทำงานให้สำเร็จ และขอบคุณกำลังใจของภาคประชาชน ที่เห็นความตั้งใจในการทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะความมุ่งมั่นเดียวของการเป็นข้าราชการ เพราะต้องการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นจริง ที่ผ่านมาต้องขอบคุณพลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ให้โอกาสมาโดยตลอด



สำหรับพลเรือตรีสมเกียรติ เริ่มทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ กองทัพเรือ มีผลงานในการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่บาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2556 จนถูกเรียกว่ามือปราบมะรอโซ แต่มีความมุ่งมั่นจะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงอาสาขอย้ายจากทหารเรือมาเป็นข้าราชการพลเรือน ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการ ก่อนจะเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.ในปี 2562 เคยมีประสปการณ์เป็นทหารกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติที่คูเวต และเมื่อเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.ผลักดันการพัฒนาเช่นสนามบินเบตง และโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ



คำสั่งย้ายในครั้งนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชนในพื้นที่เนื่องจากเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง ที่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเป้าหมายของหลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ต่างต้องแข่งขันกับพรรคประชาชาติ ซึ่งศอ.บต.เป็นศูนย์กลางอำนาจที่อาจสร้างความได้เปรียบทางการเมืองได้ จึงต้องจับตาว่าจะมีการแต่งตั้งใครมารักษาการณ์ในช่วงเลือกตั้งนี้

คุณอาจสนใจ