เปิดแผนสันติภาพชายแดนภาคใต้ของ BRN หวัง ก.ค. ลงนามข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จ

หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพบีอาร์เอ็น พอใจแผนสันติภาพ JCPP ที่บรรลุข้อตกลงร่วมกับคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขของไทย เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แม้จะล่าช้าไปสำหรับเวลาการพูดคุยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งจะเดินหน้าการพูดคุยสันติภาพ ที่คาดหวังให้พรรคการเมืองเสนอเป็นวาระแห่งชาติ ออกเป็นกฎหมายในรัฐสภา และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ หากทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปร่วมกันรวมถึงการปรึกษาหารือกับประชาชนและทางออกทางการเมือง



อุสตาส อานัส อับดุลเราะห์มาน หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพ บีอาร์เอ็น ให้สัมภาษณ์พิเศษข่าว 3 มิติ หลังการพูดคุยครั้งที่ 6 กับคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขของไทย นำโดยพล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ที่กรุงลัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งบีอาร์เอ็นพอใจแผนสันติภาพ JCPP ที่จะเป็นโรดแมปสำคัญในปี 2566-2567 ถือเป็นขอตกลงที่ยอมรับได้ แม้จะออกมาล่าช้าจากการใช้เวลา 3 ปีในการร่วมพูดคุยกับไทย



สำหรับแผนสันติภาพ JCPP จะคุยในกรอบข้อตกลง 3 ประเด็นหลัก คือการลดความรุนแรงที่จะนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิง Ceasefire agreement การปรึกษาหารือสาธารณะ Plubilc Consultation และทางออกทางการเมือง Public Solution ซึ่งจะเริ่มคุยในเดือนมีนาคม-มิถุนายน



หากได้ข้อสรุปตรงกัน ก็เป็นไปได้อย่างที่ พลเอกวัลลภ รักเสนา หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขของไทย คาดการณ์ว่าการลงนามข้อตกลงหยุดยิงและโรดแมปสันติภาพจะมีขึ้นในเดือนกรกฏาคมนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐบาลไทยว่าจะผลักดันสันติภาพที่แท้จริงหรือไม่ เพราะบีอาร์เอ็น ชัดเจนแล้วว่าการร่วมโต๊ะพูดคุยเพราะเชื่อมั่นในแนวทางนี้



และในข้อตกลงยังมีรายละเอียดที่ต้องตกลงกัน เช่นการยุติปฏิบัติการทางทหารของทั้งสองฝ่าย การให้ความคุ้มครองทางกฏหมาย Imunity ให้กับคณะพูดคุยของบีอาร์เอ็น รวมถึงเงื่อนไขการปล่อยนักโทษทางการเมืองและคดีความมั่นคง



อุสตาส อานัส อับดุลเราะห์มาน ยอมรับว่า ผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ อาจเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อกระบวนการสันติภาพปาตานี เพราะรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ย่อมเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างมีสิทธิเสรีภาพ ซึ่ง 8 ปีของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ยังคงการพูดคุยเพื่อสันติภาพไว้ แต่ยังไม่เห็นผล หากพลเอกประยุทธ์ หวังให้เกิดสันติภาพที่แท้จริง ก็คงทำได้ไปแล้ว จึงต้องเป็นการพิสูจน์ความตั้งใจ รวมถึงทุกพรรคการเมือง ต้องประกาศนโยบายที่จะผลักดันกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้เป็นวาระแห่งชาติ ออกเป็นกฏหมายในรัฐสภา และตั้งกรรมาธิการติดตามการพูดคุยด้วย



อุสตาส อานัส อับดุลเราะห์มาน คาดหวังด้วยว่า ส.ส.ทุกคนในสภาผู้แทนราษฎร จะต้องช่วยกันผลักดันสันติภาพปาตานี เพราะผ่านมาเกือบ 20 ปี รัฐใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนไปกว่า 4.9 แสนล้านบาท ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้



และยังคาดหวังว่าจะได้รับฟังเสียงของ Patani Comunity หรือ ประชาชาติปาตานี ที่หมายถึงประชาชนทุกชาติพันธ์ ทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็น มลายู จีน สยาม พุทธ มุสลิม ที่อยู่ในพื้นที่ปาตานี เพื่อกำหนดสันติภาพที่แท้จริงของปาตานี เพราะหมายถึงสันติภาพของประชาชนที่ต้องการกำหนดชะตากรรมตนเอง ไม่ใช่ของบีอาร์เอ็น เพราะบีอาร์เอ็นเป็นเพียงตัวแทนในการพูดคุยเท่านั้น