เปิดเบื้องหลัง! ปิดคดีโจรกรรมปั๊มน้ำมันกว่า 30 แห่งในอีสาน ตร.ระดมกำลังกว่า 50 นาย ติดตามจับผู้ต้องหา

ผู้ประกอบการปั้มน้ำมันขนาดกลางและขนาดเล็กในภาคอีสาน ต่างโล่งใจที่ตำรวจสอบสวนกลางปิดคดีจับผู้ต้องหาโจรกรรมเงินสดตามปั้มน้ำมันร่วม30 แห่งได้สำเร็จ ขณะที่เบื้องหลังการทำงาน ตำรวจต้องนำกำลังกว่า 50 นาย ในการติดตามทั้งรถและบุคคลต้องสงสัยในหลายจังหวัด


ภาพจากกล้องวงจรปิด แสดงให้เห็นพฤติการณ์ของคนร้าย ที่เข้ามาโจรกรรมเงินสดจากตู้เซฟภายในปั้มน้ำมัน แม้จะเห็นพฤติการณ์แต่คาดเดาได้ยากว่าคนร้าย2คนนี้เป็นใคร คนร้ายจึงย่ามใจ ก่อเหตุต่อเนื่องขยายไปหลายจังหวัดทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


เมื่อมาตรวจสอบยานพาหนะ จึงสร้างความสับสนไปอีกเมื่อคนร้ายขี่รถมอเตอร์ไซค์ก่อเหตุ จึงน่าจะเป็นคนพื้นที่ แต่ข้อสันนิษฐานทั้งหมดกลับตรงกันข้าม


ข้อมูลจากฐานข้อมูล Big data ของตำรวจสอบสวนกลางถูกนำมาวิเคราะห์ ในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยการสกรีนรถต้องสงสัยร่วม 2 หมื่นคันและผู้พ้นโทษที่จัดอยู่ในกลุ่มต้องสงสัย 13,000 คน


คดีโจรกรรมทรัพย์สินเป็นเงินสดที่คนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยบรรดานักสืบต่างยอมรับว่าจับยากกว่าคดีฆาตรกรรม จึงต้องอาศัยความอดทนแบบไม่หลับไม่นอนของตำรวจกองกำกับการ3กองปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลาง ที่ปิดคดีลงได้ สร้างความโล่งใจให้กับผู้ประกอบการปั้มน้ำมันขนาดกลาง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอย่างมาก


ทีมข่าว 3 มิติได้เดินทางไปปั้มน้ำมันในจังหวัดยโสธรที่ นส.ภูสนิสา อายุ 26 ปีเป็นผู้จัดการสาขา เพื่อนร่วมงานต่างบอกว่า ผู้จัดการเป็นผู้ถือเงินของปั้มสาขาทั้งหมดและเป็นผู้นำเงินไปฝากธนาคาร แต่ก็ตกใจว่าไม่น่าจะเป็นคนร้ายเสียเอง แต่เมื่อตำรวจจับได้ก็ดีใจ เพราะหากจับไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุวันไหน


ขณะที่การสอบสวนผู้จัดการหญิงที่ตกเป็นผู้ต้องหา ตอนแรกให้การภาคเสธ แต่เมื่อตำรวจนำภาพหลักฐานขณะก่อเหตุมาให้ดูจึงจำนนต่อหลักฐาน


พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. ระบุว่าผู้ต้องหาคดีนี้ทำตำรวจไขว่เขวให้พุ่งเป้าไปที่คนร้ายในพื้นที่ ซึ่งตำรวจก็จับคนร้านงัดตู้เซฟมาได้ก่อนหน้านี้แต่ตรวจสอบพบว่างัดที่ จ.ชัยภูมิพื้นที่เดียว จึงแบ่งทีมตำรวจ 3 ทีมร่วม 50 นาย แกะรอยใหม่ กระทั่งจับผู้ต้องหาที่ตรงกับพยานหลักฐานทุกคดี


ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุต่อเนื่อง จะถูกยึดทรัพย์ฐานฟอกเงินด้วย โดย ตำรวจสอบสวนกลางจึงขอเตือนถึงผู้ประกอบการว่าต้องใช้ตู้เซฟที่แข็งแรง ให้ติดกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามดูสถานที่ในยามวิกาลและเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่หากมีเหตุร้ายขึ้น