เปิดข้อเท็จจริง 25 เรื่อง ร้องเรียน 'ดีเอสไอ' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่เจ้าหน้าที่สังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ 4 คน ลงชื่อในจดหมายถวายฎีกาขอความเป็นธรรม และส่งถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับ ดูแลดีเอสไอ อ้างว่าพบความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติงานของดีเอสไอ 25 เรื่อง เพื่อหวังว่าจะถูกตรวจสอบ ข่าว 3 มิติพบว่า ในบรรดาเรื่องที่ถูกร้องเรียนว่าไม่โปร่งใสนั้น มีทั้งเรื่องที่สะสมมานานหลายปีก่อนหน้านี้ และบางเรื่องก็อ้างว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว



เรื่องที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รวม 4 คน ลงชื่อในเอกสารทูลเกล้าฯถวายฎีการ้องทุกข์ ขอรับพระราชทานความเป็นธรรมทั้ง 25 ข่าว 3 มิติ จัดกลุ่มตามประเด็นที่ร้องเรียนดังนี้คือกลุ่มร้องเรียนเกี่ยวกับการปฎิบัติหน้าที่คดีรถหรู 



ซึ่งสงสัยว่ามีผู้ปฎิบัติหน้าที่มิชอบและเรียกรับผลประโยชน์ เช่นเรื่องที่ 1 และ 2 สงสัยว่ามีการจงใจปล่อยอายัดรถหรูโดยมิชอบเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ เรื่องที่ 3 จงใจไม่ประเมินอากร รถหรูที่ขาดไป จนคดีขาดอายุความ เรื่องที่ 4 เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.พบดีเอสไอบางคนที่ทำคดีรถหรูร่ำรวยผิดปกติ รวมถึงมีการถอนอายัดรถหรูมาเซราติโดยมิชอบ



กลุ่มข้อร้องเรียนการปฎิบัติหน้าที่มิชอบ มีทั้งเรื่องมีบริษัทเอกชนร้องกระทรวงยุติธรรมว่า ถูกเจ้าหน้าที่รังแกเรียกรับสินบน เรื่องที่ 7 มีการถอนอายัดไม้พะยูง ซึ่งจับที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด เรื่องที่ 8 กรณีถอนอายัดทั้ง ผู้ต้องหาและทรัพย์สินคดีฟอกเงิน เรื่องที่ 9 สงสัยเรียกรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์หลายเว็บ เรื่องที่ 10 กรณีดีเอสไอบางคน ขอข้อมูลธุรกิจดูดทรายผิดกฎหมายทั่วประเทศ ที่อาจนำไปเรียกทรัยพ์ เรื่องที่ 11 กรณียึดอายัดทรัพย์จากผู้ลักลอบใช้ไฟ ตั้งเหมืองขุดบิทคอยน์ ทั้งที่ยังไม่เป็นคดีพิเศษ



กลุ่มข้อร้องเรียนเรื่องการตั้งแต่งตั้งข้าราชการ มีการอ้างว่า ดีเอสไอแจ้งตำแหน่งที่ว่างจากการเกษียณอายุในปี 2564 เพียง 1 ตำแหน่ง ทั้งที่ว่างจริง 2 ตำแหน่ง เรื่องที่ 13 อ้างว่าการเบิกจ่ายงบลับไม่เป็นไปตามระเบียบ และเรื่องที่ 14 อ้างว่ามีเรื่องชู้สาวในองค์กร และเรื่องที่ 15 เจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์และกักขังเจ้าหน้าที่ 13 คนเพื่อหาว่าใครเปิดเผยเรื่องชู้สาว ซึ่งเรื่องนี้ร้องคณะกรรมการสิทธิ์แล้ว



กลุ่มข้อร้องเรียนเรื่องการละเว้นปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเรื่องที่ 16 ระบุว่าดีเอสไอ คนที่รับผิดชอบคดี ไม่ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามคำสั่งกระทรวงการคลัง จึงเสียหาย 45 ล้านบาท เรื่องที่ 17 การไม่เพิกถอนแก้ไขคำสั่ง ตามหนังสือ ก.พ.ทำให้ราชการเสียหาย เรื่องที่ 18 เป็นการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับคดีนำลิฟต์เก่าไปขาย ส่วนเรื่องที่ 19 เป็นการไม่เยียวยา ผู้เสียหายตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่มีคำสั่งมา



กลุ่มข้อร้องเรียนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง มี 3 เรื่อง คือเรื่องที่ 20 จัดซื้อเครื่องมือหาพิกัดและทิศทางโทรศัพท์งบประมาณปี 2565 วงเงิน 36 ล้านบาท เรื่องที่ 21 การจัดซื้อ เครื่องมือค้นหาโทรศัพท์เคลื่อนที่ระยะไกล งบประมาณปี 2566 วงเงินกว่า 49 ล้านบาท และเรื่องที่ 22 การจัดซื้อโปรแกรมรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน อิเล็กทรอนิกส์ งบประมาณปี 2566 วงเงินกว่า 33 ล้านบาท



กลุ่มร้องเรียนเรื่องการสอบเลื่อนขั้น อยู่ใน 3 เรื่องสุดท้าย คือเรื่องที่ 23 กรณีสงสัยว่าการโยกย้ายดีเอสไอ ตำแหน่งพนักงานสอบสวนพิเศษ ไม่เป็นไปตามระเบียบ เรื่องที่ 24 กรณีร้องเรียว่า อาจมีการขายข้อสอบ ในการสอบเลื่อนตำแหน่ง จากการที่พบว่ามีข้อสอบรั่วก่อนวันสอบจริง 2 วัน และข้อ 25 ร้องเรียนว่า อ.ก.พ.กระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงฯ แต่งตั้งข้าราชการ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการระดับสูงของดีเอสไอ ที่สงสัยว่าผิดไปจาก พ.ร.บ. กรมสอบสวนคดีพิเศษ



ประเด็นเหล่านี้ยังถือว่าเป็นเพียงข้อสงสัยที่ผู้ร้องเรียนต้องการให้เกิดการตรวจสอบเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่าผิดระเบียบ กฎหมาย ตามข้อร้องเรียนหรือไม่



โดยข่าว 3 มิติ พบว่าหลายประเด็นในนี้ เป็นคดีที่เกิดขึ้นมาเกือบ 5 ปีก่อนหน้า และบางประเด็น อธิบดีดีเอสไอคนก่อนหน้านี้ ได้ชี้แจงไปแล้ว และผู้ร้องเรียนก็นำข้อเท็จจริงอีกด้านมาโต้แย้งคืนเช่นกัน



ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมได้แตั้งตั้งให้รองปลัดกระทรวงฯ 1 คน ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามการร้องเรียนดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้บทสรุป