สังคม

ย้อนที่มาคำสั่งแต่งตั้งชุดปฏิบัติการด้านการข่าวดีเอสไอ ก่อนถูกสั่งยุบหลังตบทรัพย์กลุ่มจีนเทา

โดย panisa_p

27 ม.ค. 2566

57 views

ไม่มีใครรู้ว่าคำให้การของนายไตรยฤทธิ์ ต่อพนักงานสอบสวนเมื่อคืนนี้ เป็นไปในทิศทางใด มีเพียงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ที่ระบุว่านายไตรยฤทธิ์ ปฏิเสธว่าไม่ได้รับรายงาน จากชุดการข่าวที่เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวหลังจากจบภารกิจ แต่ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากตำรวจชี้ประเด็นว่า ดีเอสไอ คือเจ้าภาพหลักในการเข้าค้นบ้านพักของอดีตกงสุลนาอูรู ซึ่งนายไตรยฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ขณะที่ยังเป็นอธิบดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเขาได้รับรายงานระดับหนึ่ง ข่าว 3 มิติ จะย้อนกลับไปฟังข้อมูลดังกล่าวจากนายไตรยฤทธิ์ และที่มาของการตั้งชุดการข่าวดังกล่าว ก่อนที่จะถูกสั่งยุบไป



คำสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ 1509/2565 มีเนื้อหา 2 แผ่นกระดาษ คือจุดเริ่มต้นของชุดทำงานที่เรียกกันว่า ชุดการข่าวของดีเอสไอ เป็นชุดทำงานที่ขึ้นตรงกับอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเหตุผลว่าดีเอสไอ มีภารกิจพิเศษเกี่ยวกับการป้องกัน ปราบปราม สืบสวนสอบสวนคดีความผิดอาญา ที่มีความซับซ้อนต้องดำเนินการสอบสวน สอบสวนโดยวิธีพิเศษ และปฏิบัติการด้านการข่าวเชิงรุก ซึ่งทางตรงและทางลับ



จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมาย ตั้งชุดปฏิบัติการด้านการข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชื่อย่อ ชปข.กสพ. อยู่ภายใต้การกำกับของ ผอ.ส่วนกลั่นกรองคดีและการข่าวคดีพิเศษภาค หรือเรียกตำแหน่ง หน.ชปข.กสพ. ปฏิบัติหน้าที่ขึ้นตรงต่ออธิบดีดีเอสไอ



ชุด ชปข.กสพ.นี้ภารกิจและอำนาจหน้าที่ ถูกระบุแล้วในเอกสาร เช่นข้อ 2.6 ดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่อธิบดีดีเอสไอมอบหมาย และเชิญคนที่เกี่ยว ข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ข้อ 2.7 กรณีจำเป็นเร่งด่วน อธิบดีดีเอสไอ มีอำนาจสั่งการด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร ให้ถือเป็นการอนุมัติไปปฏิบัติราชการนอกสถานที่ และอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบกระทรวงการคลัง เมื่อปฏิบัติภารกิจแล้วเสร็จ ให้ทำบันทึกรายงานส่งอธิบดีดีเอสไอ ทราบผลโดยด่วน โดยอ้างอิงการสั่งด้วยวาจาไว้ในบันทึกด้วย



ตัวอย่างข้อ 2.9 ระบุว่าเพื่อประโยชน์ในการทำงาน อนุมัติให้ใช้รถยนต์ราชการไปปฏิบัติงาน พร้อมเบิกค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ตามระเบียบค่าใช้จ่ายให้ปฏิบัติการข่าว และตัวอย่าง ข้อ 2.10 อนุญาตให้พกพาอาวุธปืนของรราชการและส่วนตัว และเครื่องกระสุนไปปฏิบัติราชการได้



โดยการปฏิบัติงานในข้อ 2.3 ถึง 2.10 หากทำโดยสุจริตตามสมควรแก่เหตุและเป็นประโยชน์ด้านความมั่นคงหรือการป้องกันภัยสาธารณะ ให้ถือว่าเป็นการกระทำ โดยชอบด้วยกฎหมาย



คำสั่งซึ่งลงนามเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2565 ยังระบุชื่อผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าทั้งหมด 8 คน และต่อมา มี 5 คน จากจำนวน 8 คนนี้ ถูกออกหมายจับพร้อมตำรวจ 191 จากกรณีค้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูแล้วยักยอกและเรียกรับสินบนกลุ่มจีนเทา



ข้อเท็จจริงของจุดเริ่มต้นค้นบ้านพังกล่าวยังไม่ชัดเจน แต่มีหนังสือที่อ้างอิงได้ คือหนังสือจากชุดการปฏิบัติการด้านการข่าวดังกล่าว ขออนุมัติเดินทางไปราชการ โดยหนังสือนี้อ้างอิงคำสั่ง เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนของการตั้งชุดนี้ ระบุว่ามีข่าวปรากฎและมีเบาะแสกุล่มทุนต่างชาติ เข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์และอาจเกี่ยวข้องสิ่งผิดกฎหมาย



ทั้งปล่อยเงินกู้ พนันออนไลน์ ยาเสพติด และสินค้าหนีภาษี จึงขออนุมัติไปราชการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นเวลา 1 เดือนคือ 20 ธันวาคมปีที่แล้ว ถึง 20 มกราคมปีนี้ พร้อมส่งรายชื่อ 8 คน โดยขออนุมัติใช้รถราชการ 2 คัน ขอใช้ปืนส่วนตัวและราชการติดไปด้วย เอกสารอีก 1ฉบับ เขียนขออนุมัติ โดยระบุว่าไม่เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ



หนังสือฉบับแรกลงต้นเรื่องวันที่ 16 ธันวาคม และอีก 1 ฉบับ ลงวันที่ 19 ธันวาคม อธิบดีดีเอสไอ ลงนามอนุมัติวันที่ 21 ธันวาคม และหลังจากนั้นการเข้าค้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู ก็มีขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคม จนเกิดเป็นประเด็นในเวลาต่อมา



ในวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากตำรวจทุ่งมหาเมฆ ออกหมายตำรวจ ดีเอสไอ และทหารและล่ามจีนรวม 16 คน เกี่ยวกับกรณี้ และพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุขณะนั้นว่าดีเอสไอ เป็นต้นเรื่องของเหตุการณ์การณ์ทั้งหมด ทำให้นายไตรยฤทธิ์ ที่ขณะนั้นยังเป็นอธิบดีดีเอสไอ ได้ชี้แจงเหตุการณ์เรื่องดังกล่าวว่า ชุดการข่าวเคยทำงานเรื่องการค้ามนุษย์กับเจ้าหน้าที่นาอูรู จึงรู้จักกันมาก่อนและเจ้าหน้าที่นาอูรู ขอให้ไปตรวจสอบบ้านหลังนั้น ที่ยังมีการแอบอ้าง และนายไตรฤทธิ์ ยังให้สัมภาษณ์ขณะนั้นว่าหลังจบภารกิจ ชุดการข่าวที่ทำงานได้มารายงานต่อนายไตรยฤทธิ์ด้วย ในประเด็นที่มาของหมายค้น



การให้สัมภาษณ์ของนายไตรยฤทธิ์ในวันดังกล่าว จะสอดคล้องกับคำให้การในวันนี้หรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ แต่รองผบ.ตร.ยืนยันได้ว่าขณะนีั้ไม่มีหลักฐานใดเชื่อมโยงไปถึงนายไตรยฤทธิ์ ขณะที่บุคคลภายในดีเอสไอต่างตั้งข้อสังเกตถึงการตั้งชุดดีเอสไอขึ้นตรงอธิบดี ซึ่งนอกจากไม่เคยมีมาก่อนในกรม ยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าการทำงานของชุดดังกล่าว ไม่มีเลขสืบสวน ไม่มีเลขคดีพิเศษ และไม่เบิกค่าใช้จ่าย แต่จะใช้งบประมาณใดในการทำงาน

คุณอาจสนใจ

Related News