ก.แรงงานพร้อมช่วย 17 คนงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ถูกเอาเปรียบ หากพบนายจ้างมีความผิด พร้อมขึ้นบัญชีดำ

แรงงานไทยที่ไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ 17 คน ร้องเรียนไปยังตำรวจฟินแลนด์ว่า มีการบังคับใช้แรงงาน จนมีการจับกุมเจ้าของบริษัทเบอร์รี่ของฟินแลนด์ และบริษัทผู้ประสานงานของไทย ในข้อหาค้ามนุษย์ ในขณะที่แรงงานผู้ได้รับเสียหาย เดินทางกลับถึงไทย

ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พร้อมให้การช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเอาเปรียบ หากพบว่ามีความผิดพร้อมขึ้นบัญชีดำ และเตรียมผลักดันให้แรงงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ ได้ทำงานแบบแรงงานตามฤดูกาลเหมือนสวีเดน

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมเจ้าหน้าที่มาร่วมต้อนรับแรงงานไทยที่กลับจากการเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศฟินแลนด์ 209 คน ที่ในจำนวนนั้นมี 17 คนที่ได้ร้องเรียนไปยังตำรวจฟินแลนด์ว่าถูกบังคับใช้แรงงาน จนทำให้ตำรวจฟินแลนด์ มีการจับกุมเจ้าของบริษัทเบอรี่ชาวฟินแลนด์ และเจ้าของบริษัทผู้ประสานงานคนไทย รวม 2 ราย

ในข้อหาค้ามนุษย์และอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางของฟินแลนด์ และแรงงานกลุ่มนี้ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการแรงงานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.พรรคก้าวไกลเป็นประธาน และมารับเรื่องจากแรงงานโดยตรงที่สนามบินสุวรรณภูมิ

หนึ่งในแรงงานที่เป็นผู้เสียหายเปิดเผยว่า ไปทำงานเก็บผลไม้ป่าเป็นครั้งแรก กับบริษัทเรอบัน ที่มี น.ส.กัลยากร พงษ์พิศ หรือทุเรียน เป็นเจ้าของ สำหรับคนที่ไม่มีค่าเดินทางสามารถวางเงินไว้คนละ 5,000 หรือ 10,000 บาท เมื่อไปทำงานค่อยเก็บผลไม้มาเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าที่พัก รวมแล้วประมาณคนละประมาณ 120,000 บาท เมื่อจบฤดูกาล ก็จะหักค่าใช้จ่ายเป็นรายได้ ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้บอกว่าจะเหลือกันเพียง 100 ถึง 200 ยูโร ไม่ถึง 7,000 บาท

ต่างกับส่วนใหญ่ที่อาจได้เงินกว่า 1 แสนบาทกลับบ้านอย่างที่มีการโฆษณากัน และบางคนมารู้ทีหลังว่าเงินค่าใช้จ่ายมีการคิดดอกเบี้ย 15 เปอร์เซ็นต์ ไม่ตรงกับที่ทางบริษัทชี้แจงก่อนเดินทาง จึงได้ร้องเรียนไปยังตำรวจฟินแลนด์ จนนำมาซึ่งการสืบสวนและจับกุมเจ้าของบริษัทผู้ประสานงานคนไทย และเจ้าของบริษัท Polorica ที่รับซื้อเบอรี่ ชาวฟินแลนด์ในข้อหาค้ามนุษย์

อธิบดีกรมจัดหางาน พร้อมจะตรวจสอบบริษัทผู้ประสานงานของไทย หากพบว่ามีความผิดฐานค้ามนุษย์ในฟินแลนด์จริง ก็จะทำการขึ้นบัญชีดำ รวมถึงทางกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์หรือ ปคม.ได้นำตัวผู้เสียหายไปสอบสวน

หากพบว่าตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ทางตำรวจก็จะดำเนินคดี แต่ในส่วนกรมการจัดหางานได้กำหนดมาตรฐานในการจัดส่งแรงงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์อย่างถูกต้องตามกฏหมาย แม้ไม่ได้ไปเป็นแรงงาน เพราะการเก็บผลไม้ป่าเป็นสิทธิที่ทุกคนทำได้ แต่ต้องมีสัญญาจ้างงาน และมีหนังสือเชิญจากทางการฟินแลนด์ ถึงจะได้วีซ่าไปทำงาน และต้องมีประกันรายได้ขั้นต่ำ ซึ่งแรงงานที่เสียหายทางกรมการจัดหางาน จะช่วยเหลือให้นายจ้างจ่ายรายได้ขั้นต่ำที่ต้องได้มากกว่า 32,000 บาท

ขณะที่กรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมรับเรื่องแรงงานที่ได้รับความเสียหาย เพื่อร่วมตรวจสอบให้การไปทำงานเก็บผลไม้ป่าได้รับการคุ้มครองสวัสดิการแรงงานที่ถูกต้อง

สำหรับแรงงานที่ได้รับความเสียหายมีการนำตัวไปสอบสวนที่ บก.ปคม.ในฐานะผู้เสียหายก่อนที่จะให้เดินทางกลับบ้าน ในขณะที่อธิบดีกรมการจัดหางาน ยืนยันว่าในจำนวนแรงงานไปเก็บผลไม้ป่าในประเทศฟินแลนด์ในปีนี้กว่า 4,000 คนและในสวีเดนกว่า 6,000 คน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ไปตรวจเยี่ยมเมื่อต้นเดือนกันยายน พบว่าแรงงานส่วนใหญ่ได้รับเงินรายได้กลับมาแต่ด้วยระบบการจ้างงานที่ต่างกันระหว่างสวีเดินที่เป็นการจ้างงานแบบฤดูกาล หรือ Seasonal worker จึงพยาามผลักดันให้ฟินแลดน์มีระบบการจ้างงานและได้ผลักดันเรื่องนี้กับรัฐบาลฟินแลนด์แล้ว และพร้อมช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเอาเปรียบอย่างเต็มที่