สังคม

"ชัยวัฒน์" รับทราบข้อหาเพิ่มคดีอุ้มฆ่า "บิลลี่" เจ้าตัวยันบริสุทธิ์

โดย panisa_p

31 ส.ค. 2565

164 views

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง หลังจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน ในข้อหาฆาตกรรมบิลลี่ รวม 4 ข้อหา ขณะที่นายชัยวัฒน์ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อสู้คดีในชั้นศาล และยืนยันในความบริสุทธ์ว่าไม่ได้ฆาตกรรมนายบิลลี่


นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมด้วย นายบุญแทน บุษราคัม นายไพทูรย์ แช่มเทศ และ นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในคดีการหายตัวไปของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง ที่องคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ


ตามที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ได้มีหนังสือลงวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งข้อหาแก่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรกับพวก เพิ่มเติม ในข้อหาร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 309


นายชัยวัฒน์ เปิดใจพร้อมรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในข้อหาใช้อาวุธข่มขืนใจผู้อื่น เพราะหากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่า ก็ต้องมีข้อหานี้ จึงไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร ส่วนกรณีที่อัยการสูงสุด มีคำสั่งชี้ขาด สั่งฟ้องในข้อหาฆ่าผู่อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก็ต้องขอขอบคุณที่ทำให้เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนรยุติธรรม เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธ์ ที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้ทำ และอยากให้มีการไต่สวนคดี เพื่อนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด และรู้สึกเบื่อกับการทำเรื่องนี้มาพูดถึงในทุกปี จนกลายเป็นจำเลยสังคม ทั้งๆที่ตั้งใจทำงานเพื่อปกป้องป่าและสัตว์ป่ามาตลอดชีวิต


นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า แม้ขณะนี้ได้กลับเข้ารับราชการ ตามที่คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้พิจารณาให้ นายชัยวัฒน์ กลับเข้าไปรับราชการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี เนื่องจากศาลปกครองเพชรบุรี มีคำสั่งทุเลาบังคับคดีจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเหยิงต่อคดี วนอายุราชการที่เหลืออีก 2 ปี ก็พร้อมที่จะเข้าไปทำงานด้านการจัดสรรที่ทำกินของประชาชนตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ฉบับใหม่ ปี 2564 แต่ขณะนี้ยังรอการมอบหมายงานจากผู้บังคับบัญชาอยู่


นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้นัดหมายให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในข้อหาร่วมกันโดยใช้อาวุธข่มขืนใจผู้อื่น โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วตั้งแต่แรกยืนยันว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย วันนี้ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำตามที่อัยการมีคำสั่งชี้ขาดแล้ว และนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหา ก็น้อมรับที่จะเข้าสู่ขบวนการชั้นศาล


สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ขอศาลออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ กับพวก ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ และข้อหาอื่นรวม 8 ข้อหา ต่อมา วันที่ 23 มกราคม 2563 อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยสั่งฟ้องเพียงข้อหาเดียว คือ เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ


และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีหนังสือแย้งความเห็นของอัยการที่ไม่สั่งฟ้อง โดยระบุว่ามีพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ จึงไม่เห็นด้วยกับความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการ


จนเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาด สั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ กับพวก ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ และข้อหาอื่นรวม 4 ข้อหา โดยใน 4 ข้อหานี้ มี 1 ข้อหาที่ให้แจ้งเพิ่มเติมจากเดิม คือ ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต


และในวันที่ 5 กันยายน กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นัดหมายผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งตัวให้พนักงานอัยการ น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก โดยคาดว่า อัยการอาจมีคำสั่งส่งฟ้อง ทางทนายความนายชัยวัฒน์ จึงเตรียมการที่จะยื่นขอประกันตัวด้วย


สำหรับคดีการหายตัวไปของ บิลลี่ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 หลังจากมีผู้พบเห็นว่า บิลลี่ ถูกควบคุมตัวที่ด่านตรวจภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่า 3 ขวด ซึ่งมีผู้พบเห็นว่านายชัยวัฒน์ และเจ้าหน้าที่ เป็นผู้พบเห็นบิลลี่ เป็นกลุ่มสุดท้าย ก่อนที่นางสาง พิณนภา พฤกษพรรณ หรือมึนา อดีตภรรยายืนคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวบัลลี่ไว้โดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย


แต่ต่อมาในวันที่ 2 กันยาน 2557 ศาลจังหวัดเพชรบุรียกคำร้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ จนกระทั่งในวันที่ 6 สิงหาคม 2558 มึนอได้ยื่นหนังสือต่อดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน 3 ปี ถึงจะรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2561 ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ


และในวันที่ 3 กันยายน 2562 ดีเอสไอ แถลงพบหลักฐานสำคัญเป็นกะโหลกมนุษย์ในถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน ซึ่งผลตรวจดีเอ็นเอพบว่าตรงกับแม่ของบิลลี่ นำมาซึ่งข้อสรุปครั้งแรกว่า บิลลี่ เสียชีวิตแล้ว หลังจากหาคำตอบมากว่า 5 ปี แต่ก็ต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ที่อัยการสูงสุดคำสั่งชี้ขาดว่า บิลลี่ ถูกฆาตกรรม และเตรียมนำตัวผู้ต้องหา นายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลังผ่านเวลามากว่า 8 ปี

คุณอาจสนใจ

Related News