เปิดเบื้องหลังจับกุม 'บอย ยูนิตี้' ผู้ต้องหาเลี่ยงภาษีนำเข้ารถหรู พบมีคดีค้างอยู่อีกถึง 14 คดี

สัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจสอบสวนกลาง ได้จับกุม นายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือรู้จักกันในชื่อ บอย ยูนิตี้ หนึ่งในผู้ทำธุรกิจนำเข้าซูเปอร์คาร์รายใหญ่ ในความผิดที่เขาหลบหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฏีกา กระทั่งตอนนี้ถูกจับส่งศาล และจำคุกตามคำพิพากษาศาลฏีกาแล้ว ขณะที่หลายหน่วยตรวจสอบพบว่า บอย ยูนิติ้ ยังมีคดีอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างถูกฟ้องอีก 14 คดี โดยเฉพาะคดีนำเข้ารถหรูโดยสำแดงภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง

การซื้อรถซุปเปอร์คาร์ เป็นที่ต้องการของคนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะผู้มีชื่อเสียง ดารา นักการเมือง หรือผู้นิยมรถแนว Luxury car ชื่อของนายอินทระศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ ฉายาบอย ยูนิตี้ กรรมการบริษัทรถหรูนำเข้าย่านเอกมัย และรัชดาภิเษก จึงถูกจับตามอง

และหลังจากมีลูกค้าแจ้งความในคดีฉ้อโกง เพราะซื้อรถไปแล้วไม่สามารถนำไปจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งได้ และหลายคดีนายบอยได้ไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีจนยอมความกันได้

แต่ตำนานการนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์อย่างไม่ชอบมาพากลของนายบอย ก็ยังไม่จบ เมื่อกรมการขนส่งได้แจ้งความที่ สน.บางซื่อ หลังพบว่ารถซุปเปอร์คาร์ที่นำเข้ามาในประเทศ จำนวน 12 คัน มีการแสดงเท็จเพื่อหลบเลี่ยงภาษีในราคาต่ำกว่าท้องตลาด แจ้งรุ่นนำเข้าไม่ตรงกับรถที่แท้จริงกับกรมขนส่ง แต่เมื่อขายให้กับผู้มีชื่อเสียงก็ปลอมเอกสารให้ตรงกับตัวรถ

โดยคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินให้นายบอยจำคุก 4 ปี ซึ่งนายบอยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่เมื่อคดีถึงชั้นศาลฎีกา นายบอยได้หลบหนีไม่ไปฟังคำสั่งศาล โดยศาลได้ตัดสินตามคำพิพากษาเดิม 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา กระทั่งตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองปราบปรามได้พบตัวนายบอยย่านริมถนนพระราม 4 เขตสาทร จึงเข้าควบคุมตัว เพื่อส่งศาล และส่งเข้ารับโทษยังเรือนจำ

รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกล่าวว่า นายบอยยังมีหมายจับในอีกหลายข้อหา ทั้งพ.ร.บ.ศุลกากร, พ.ร.บ.เช็ค, ฉ้อโกง บุกรุก และลักทรัพย์ อีก 14 หมายจับ

โดยคดีความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของตำรวจ ปอศ.เป็นคดีการชำระภาษีที่มีการเปลียนแปลง แก้ไขรุ่นรถที่นำมาจดประกอบอันเป็นเท็จ โดยบริษัทใช้ชื่อญาติเป็นนอมินี ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีที่ควรได้รับ

ตำนานรถหรูของ บอย ยูนิตี้ ยังพบคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้รับการประสานจากป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ การนำเข้ารถหลีกเลี่ยงภาษี ที่ทำให้รัฐเสียภาษีกว่า 2 พันล้านบาท หลังอายัดรถไว้ 122 คัน ภายหลังพบว่าเป็นรถที่อยู่ในความครอบครองของหลายบริษัท

โดยคดีนี้ยังมีการสืบสวนมาตั้งแต่ปี 2560 และปัจจุบันคดียังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ซึ่งพบว่ามีรถที่มีบอย ยูนิตี้เป็นเจ้าของทั้งหมด 8 คัน ทุกคันได้ขายเปลี่ยนมือไปหมดแล้ว แต่ได้เรียกคืนมาได้ 5 คัน ส่วนที่เหลืออีก 3 คัน ขณะยังติดตามผู้ซื้อให้นำมามอบให้ดีเอสไอ โดยบอย ยูนิตี้ ยังทำให้เกิดการย้าย และถูกไล่ของ ของเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่มีส่วนรู้เห็นในการสำแดงรถ ไม่ตรงกับความเป็นจริงจำนวนหลายคน