โควิดวันนี้ +6,488 สธ.เฝ้าระวัง 3 สายพันธุ์ย่อย “โอมิครอน”

กระทรวงสาธารณสุขยืนยัน โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทยถาวรแล้ว ยังต้องเฝ้าระวังโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่อีก 3 สายพันธุ์ที่เริ่มตรวจพบ ในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศแล้วจำนวน 3 คน

(9 พ.ค.) ศบค.รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 6,488 คน ขณะเดียวกันพบผู้ติดเชื้อที่มีผล ATK เป็นบวกเพิ่มอีก 4,945 คน รักษาตัวอยู่ 84,957 คน แบ่งเป็นอาการหนัก 1,522 คน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 738 คน เสียชีวิตเพิ่ม 55 คน

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยัน ขณะนี้โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน กลายเป็นสายพัธุ์หลัก แทนที่อัลฟา เบต้า และ เดลต้าแล้ว 100% โดยแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อย โอมิครอน BA.2 97.6% และ BA.1 อีก 2.4% ซึ่งทั้ง 2 สายพันธุ์มีการแยกออกเป็น 20 สายพันธุ์ย่อย แต่ก็ยังไม่มีความรุนแรงจนเป็นที่น่ากังวล

ส่วนสายพันธุ์ที่น่าจับตาในขณะนี้ คือ สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ซึ่งกลายพันธุ์ในส่วนสไปก์โปรตีน เหมือนที่เกิดในสายพันธุ์เดลต้า แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังความรุนแรงว่าจะเหมือนกันหรือไม่ โดยพบสายพันธุ์ BA.5 แล้วในประเทศไทยจากผู้ป่วยสัญชาติบราซิล ส่วน BA.4 ยังไม่มีรายงาน

ขณะที่ สายพันธุ์ ย่อย BA.2.12 พบแล้ว 2 คนเป็นผู้ป่วยสัญชาติอินเดียและแคนาดา เมื่อช่วงเดือนเมษายน ส่วนสายพันธุ์ BA.2.12.1 ที่พบในสหรัฐอเมริกา ขณะนี้ยังไม่พบในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดยังต้องรอข้อมูลมากกว่านี้เพื่อพิจารณาผลต่อการแพร่เชื้อ ความรุนแรง และการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน 

ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข ประกาศลดระดับการเตือนภัยโรคโควิด-19 จากระดับ 4 ลงมาเป็นระดับ 3 ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่มีแนวโน้มลดจำนวนลง

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ระบุว่า ภาพรวมของประเทศขณะนี้อยู่ในระยะคงตัว สู่การเปลี่ยนผ่านเป็นโรคประจำถิ่น โดยมีปัจจัยจากอัตราการฉีดวัคซีน ซึ่งแผนต่อไปในช่วงเดือนพฤษภาคม จะเน้นความพร้อมเรื่องการเปิดเรียนก่อนเป็นอันดับแรก ที่ขณะนี้มีครูและบุคลากรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วกว่า 90% ส่วนกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปี ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วกว่า 90%