สังคม

เหิมหนัก! แก๊งคอลเซนเตอร์ปลอมบัตร "ดีเอสไอ" หลอก นศ.โอนเงิน 2.8 ล้าน

โดย pattraporn_a

2 พ.ค. 2565

481 views

นักศึกษาถูกแก๊งคอลเซนเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกสูญเงินไปกว่า 2.8 ล้านบาท ตัดสินใจไปพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตัวจริงที่ถูกแอบอ้าง ทั้งเพื่อให้คลายสงสัย และขอให้ช่วยเหลือติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี


โดยนักศึกษาหญิงปีที่ 4 อายุ 22 ปี สูญเงินเก็บของครอบครัวไปถึง 2.8 ล้านบาท จากการถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกด้วยการสนทนาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา


เธอเคยได้ยินเรื่องแก๊งคอลเซอร์เตอร์ที่หลอกว่ามีพัสดุตกค้าง แต่กรณีของเธอคือมีโทรศัพท์มาหาและบอกชื่อ-สกุลของเธอตรงทุกอย่าง พร้อมอ้างว่าจับผู้ต้องหายาเสพติดได้ที่เชียงใหม่ และพบสมุดบัญชีธนาคารของเธอด้วย ทำให้นึกถึงเหตุการณ์จริงที่เธอเพิ่งไปเชียงใหม่เมื่อต้นเดือนเมษายน โดยใช้บัตรปะชาชนจองห้องพักที่นั่น จึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เอกสารของเธอจะถูกใช้เพื่อฟอกเงิน โดยไม่ได้ฉุกคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์เหมือนที่เป็นข่าว


จุดเปลี่ยนสำคัญที่เธอเชื่อสนิทใจคือ หนึ่งในคนที่เธอคุยด้วยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ระดับผู้อำนวยการกอง และยังส่งบัตรเจ้าหน้าที่มาให้ดู ว่าคนในภาพนั้นคือเขาเอง ซึ่งที่จริงนามบัตรนั้นทำไม่แนบเนียนหลายจุด เช่นมีพื้นหลังเป็นแบบฟอร์มตำรวจกองปราบปราม และโลโก้ประทับเป็น ปปง. แต่สำหรับคนตกใจและไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้ ก็หลงเชื่อได้ ที่สำคัญบัตรนั้น แนบคิวอาร์โค้ดให้สแกน เมื่อเหยื่อสแกนก็พบว่าเป็นลิงค์เข้าเวบไซต์ดีเอสไอจริง มีรายชื่อบุคลากร และคนที่ถูกแอบอ้างอยู่ด้วย นั่นทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่าจึงโอนเงินไปให้


เมื่อเหยื่อหลงเชื่อสนิท ปลายสายก็กล่อมให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีที่อ้างว่าเป็นของทนายความสองคน ที่ทำปลอมขึ้น โดยหารูปภาพคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาใช้ ส่วนชื่อ สกุล ที่อ้างว่าเป็นทนาย ก็คือชื่อเจ้าของบัญชีม้าที่รับจ้างเปิดเพื่อรับโอนเงิน เธอรู้ว่าถูกหลอกจึงแจ้งความ สภ.บางบ่อ สมุทรปราการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน และวันนี้ตัดสินใจมาพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตัวจริง คนที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้าง พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ


ทางด้าน ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ฉิมตระกูล ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ของดีเอสไอ ซึ่งถูกแก๊งนี้เลือกนำไปทำบัตรเพื่อหลอกลวง ย้ำเตือนว่าการตรวจสอบบัตร หรือข้อมูลที่ถูกต้อง อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะป้องกันได้ แต่มิจฉาชีพก็จะพัฒนาวิธีหลอกไปเรื่อย จึงย้ำเตือนว่าให้มีสติ อย่ารีบตัดสินใจหลงเชื่อ และดีเอสไอไม่มีวิธีการสอบถามคดีทางออนไลน์เช่นนี้ แต่ต้องมีหมายเรียกหรือได้เผชิญหน้าโดยตรง


ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบสัญญาณโทรศัพท์ของแก๊งนี้ อยู่ในรัศมี 200 เมตร รอบเสาทวนสัญญาณโทรศัพท์ ที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ ซึ่งติดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มักเป็นฐานของกลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์ สำหรับชายและหญิงเจ้าของบัญชีธนาคารปลายทางที่ผู้เสียหายโอนไปให้ พนักงานสอบสวน สภ.บางบ่อ อยู่ระหว่างรอเอกสารธนาคาร เพื่อออกหมายเรียก


และเป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากโอนเงินไป 2.8 ล้านบาท เหยื่อนำชื่อสกุลเจ้าของบัญชี ทั้ง 2 คน ไปตรวจสอบในอินเตอร์เน็ต พบว่าถูกขึ้นแบล็คลิสต์ในเวบไซต์แบล็คลิสต์เซลเลอร์มาก่อน โดยมีหลายบัญชีธนาคารที่ถูกเตือน นั่นหมายความว่า สองคนนี้ มีหลายบัญชีธนาคารที่ถูกใช้รับโอนเงินเหยื่อรายอื่นมาก่อนแล้วจึงถูกแบล็คลิสต์ แต่ยังไม่ถูกดำเนินคดี

คุณอาจสนใจ

Related News