ผบ.ตร.สั่งเร่งสางปมมาเฟียต่างชาติภูเก็ต อาจโยงคดีฆาตกรรมชาวอินเดีย

ผบ.ตร.สั่งเร่งตรวจสอบเครือข่ายมาเฟียต่างชาติ ในภูเก็ต เพื่อหาการเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรมชาวอินเดีย

ราว 4 ทุ่มครึ่ง คืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ วงจรปิดบริเวณลานจอดหน้าวิลล่าหรูเเห่งหนึ่ง บันทึกพฤติกรรมคนร้าย ขณะซุ่มรอเป้าหมายในซอกมืด ทันทีที่ลงจากรถ คนร้ายเป็นชายรูปร่างใหญ่ 2 คน ก็ตรงเข้ามากระหน่ำยิงใส่ชาวต่างชาติรายนี้เเบบไม่ยั้ง

จากวงจรปิดจะเห็นเเสงไฟจากปลายกระบอกปืน สว่างวาบไม่น้อยกว่า 10 นัด หลังก่อเหตุ ชายทั้ง 2 คน หนีออกไปลักษณะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางริมชายหาด เเม้จะมองไ่ม่เห็นหน้า เเต่จากภาพนี้สังเกตเห็นรูปร่างของคนร้ายชัดเจน

ชันสูตรพลิกศพ พบหัวเเละรอยกระสุนยิงพรุนไปทั่วร่าง จากการพิมพ์ลายนิ้วมือ เบื้องต้นทราบว่าชายรายนี้ ใช้ชื่อว่า มิสเตอร์จิมมี่ ซิง ซาน (Mr.Jimi Singh Sandhu) ดูจากลักษณะคล้ายคนเชื้อสายอินเดีย เเต่จากข้อมูลการสืบสวนของตำรวจระบุว่า ผู้ตาย ใช้พาสปอร์ตระบุสัญชาติเเคนาดา

ทีมพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. 14 ปลอก และกระสุนขนาด.38 อีกจำนวน 7 ปลอก ตกในที่เกิดเหตุ


การสังหารโหดชายรายนี้ ถูกตั้งประเด็นไปที่ปัญหาความขัดเเย้ง ทีมสืบสวนทั้งจากกองปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 8 เเละในภูเก็ต อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ตามเเกะรอยกลุ่มคนร้าย เเละพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าผู้ตายเป็นใครกันเเน่


ซึ่งตามรายงานระบุว่า ชาวต่างชาติรายนี้ เข้ามาเปิดห้องพักไว้ตั้งเเต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาโดยผ่านด่านตม.ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เมื่อวันที่ 27 มกราคม ดูจากพฤติการณ์ เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุฆาตกรรมทั่วไป จากพยานเเวดล้อมระบุตรงกัน ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ เห็นกลุ่มชายเเปลกหน้า ลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ เดินวนเวียนใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งน่าจะมีการวางเเผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงความคืบหน้า ยืนยันว่าได้ตรวจสอบไปที่ต้นทางประเทศเเคนาดา ตอบกลับมาว่า พาสปอร์ตที่ใช้เป็นของจริง แต่มีการนำมาเปลี่ยนข้อมูลเท็จ เเละยังมีพฤติกรรมใช้พาสปอร์ตหลายใบ หลายสัญชาติ


คดีนี่หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปที่กลุ่มหรือเเก๊งมาเฟียต่างชาติ ข่าว 3 มิติ ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจากเเหล่งข่าวที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ พบว่าในภูเก็ต มีต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจอยู่ 4 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย ชาวรัสเซีย ชาวอิตาลี ชาวจีน เเขกอินเดียหรือชาวอาหรับตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่ทำธุรกิจการท่องเที่ยว เเละสถานอโคจรยามค่ำคืน อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

เเต่เเหล่งข่าวรายหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับต่างชาติในภูเก็ต เหตุผลคือ บางรายมีความเกี่ยวโยงกับคนมีสี ส่วนใหญ่จึงอยู่ทำกันเเบบเงียบๆ พยายามไม่ให้เกิดเรื่อง เพราะไม่อยากมีปัญหากระทบธุรกิจ


ด้วยเหตุนี้ จึงเบนเป้าไปที่องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อาจอาศัยประเทศไทยเป็นเเหล่งกบดาน เเละตามมาล้างเเค้น เเต่ก็มีข้อสงสัยว่า ถ้านี่เป็นมือสังหารจากนอกประเทศ การจะนำอาวุธเเฝงเข้ามาในไทยปัจจุบันเป็นเรื่องยาก หรืออาจมีคนไทยหรือใครในประเทศ ที่คอยชี้เป้าเเละจัดหาอาวุธให้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทั้งปลอกเเละหัวกระสุน เมื่อหาที่มาของปืนทั้ง 2 ประบอก


ล่าสุด มีรายงานการสืบสวนของตำรวจ พบว่า 2 มือปืน ได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ก่อนลงมือสังหารผู้ตายประมาณ 1 สัปดาห์ เเฝงตัวเหมือนกับชาวต่างชาติทั่วไป จึงสันนิษฐานว่า คนร้ายอาจอยู่ในพื้นที่ หรืออาศัยอยู่ในไทย กระทั่งผู้ตายเดินทางมาถึงจ.ภูเก็ต เมื่อสบโอกาสจึงวางเเผนเเละลงมือฆ่าอย่างไร้ปราณี

โดยผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ ได้สั่งให้ทุกหน่วยคุมเข้มทุกช่องทาง ทั้งการเดินทางเข้า-ออกด่านตม. สเเกนพื้นที่เเละตรวจสอบกลุ่มมาเฟียต่างชาติที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย