สังคม
ระบายน้ำ "เขื่อนป่าสักฯ - เจ้าพระยา" กระทบวงกว้างอย่างน้อย 6 จังหวัด
29 ก.ย. 2564
126 views
กรมชลฯ เตือนพื้นที่ท้าย "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" รับมือการระบายน้ำ ขณะที่ คันดินผนังกั้น "แม่น้ำเจ้าพระยา" ยังซ่อมไม่ได้ น้ำทะลักท่วมบ้านเรือน ปชช.
(29 ก.ย.) สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา แม้ 2 เขื่อน คือ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ น้ำในอ่างยังไม่มาก แต่อีก 2 เขื่อน คือ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ น้ำเกินความจุอ่างแล้ว จึงต้องเร่งระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่มีปริมาณน้ำฝนเพิ่มอยู่แล้ว ต้องได้รับผลกระทบแล้วอย่างน้อย 6 จังหวัด คือ ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, สิงห์บุรี, ชัยนาท และอ่างทอง
โดยสภาพน้ำช่วงใกล้ค่ำ ที่จังหวัดอ่างทอง เป็นน้ำที่ไหลทะลักจากแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากเมื่อช่วงเวลาประมาณ 12 นาฬิกา พนังดินกั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่อำเภอป่าโมก ได้พังจากแรงดันของน้ำที่สูงมาหลายวัน จากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา
กระแสน้ำกำลังไหลข้ามถนนสาย 309 ป่าโมก –อยุธยา สายใน ในพื้นที่ตำบลบางปลากด อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง หลังน้ำเจ้าพระยากัดเซาะคันดินทะลักไหลเข้าหมูบ้านในพื้นที่ตำบลปางปลากด อำเภอป่าโมก ท่วมบ้านเรือนประชานกว่า 300 หลังคาเรือน แล้วไหลข้ามถนน ป่าโมก – อยุธยา เข้าพื้นที่ ตำบลโรงช้าง เป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร
โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันอำนวยการจราจร และเตรียมนำดินมาถมทำคันดินบนถนนเพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นไหลข้ามถนน นอกจากนี้ น้ำจากเจ้าพระยายังขยายวงกว้างไปเอ่อล้นถนนเส้น 309 อ่างทอง-อยุธยา บริเวณหมู่ที่ 7 ตำบลโพสะ อำเภอเมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งป้องกันน้ำขยายวงไปในพื้นที่อื่นๆ
ขณะที่เมื่อช่วงเที่ยง พนังกั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นคันดิน ได้พังจนน้ำไหลเข้าหมู่บ้านตลอดครึ่งวันที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังซ่อมไม่ได้ ทำให้น้ำไหลข้ามถนนอย่างน้อย 2 สาย
ส่วนที่ชัยนาท วันนี้เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนจำนวนมาก มวลน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่อยู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่ตำบลบางหลวง ตำบลตลุก ตำบลหาดอาษา และตำบลโพนางดำออก ซึ่งระดับน้ำที่ท่วมขังมีระดับความสูงอยู่ที่ 60-90 เซนติเมตร ชาวบ้านบางรายใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้เตรียมตัวไม่ทัน
ขณะที่จังหวัดสิงห์บุรี, อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ก็ต้องเตรียมพร้อมรับน้ำที่ถูกปล่อยจากเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะพระนครศรีอยุธยา ต้องรับน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อีกทางหนึ่งด้วย
ที่ลพบุรี นายสุภกิณห์ แวงชิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนันผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัคร นำรถแบคโฮ พร้อมด้วยกระสอบทราย ถุงบิ๊กแบ็คขนาดใหญ่ เข้าซ่อมแซ่มประตูท่อลอดคลองชัยนาท-ป่าสัก บริเวณทางเขาวัดหนองเลา พื้นที่หมู่ 5 ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ซึ่งประตูถูกแรงดันน้ำซัดพังเสียหาย
ทำให้น้ำที่ไหลเอ่อท่วมอำเภอบ้านหมี่ ต่อเนื่องถึงอำเภอเมืองฝั่งตะวันออก ไหลผ่านท่อลอดของคลองชัยนาท-ป่าสัก ทะลักเข้าพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ อำเภอเมือง และอำเภอท่าวุ้งฝั่งตะวันตก ซึ่งยังไม่ถูกน้ำท่วม และมีพื้นที่นาข้าวรอการเก็บเกี่ยวอีกกว่า 1 หมื่นไร่ หากน้ำเข้าท่วมจะได้รับความเสียหายทั้งหมด เพราะเหลืออีกไม่ถึง 1 เดือนข้าวทั้งหมดก็จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว เจ้าหน้าที่มั่นใจว่า จะควบคุมการชำรุดของประตูท่อลอดคลองชัยนาท-ป่าสักได้
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ขึ้นธงแดงปรับการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอีกระลอกเป็น 1,200 ลูกบาร์ศเมตรต่อวินาที และจะระบายระดับนี้ไปตลอดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับสถานีบางไทร โดยนายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรีเปิดเผยว่าสำหรับสถานการณ์น้ำที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เริ่มมีสัญญาณไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ปริมาณน้ำสะสมอยู่ในอ่างของเขื่อนมีจำนวนเกิน 100 เปอร์เซน จึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
จึงมีการแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณท้ายเขื่อนป่าสัก ชลสิทธิ์ ตั้งแต่อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ประชาชนที่อยู่ใน จ.สระบุรี และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เตรียมตัวยกของขึ้นที่สูง ทั้งนี้ น้ำที่ระบายออกจากเขื่อนป่าสักฯ จะใช้เวลาในการเดินทางไปถึงเขื่อนพระราม 6 จะมีเวลาเดินทาง 1 วัน หรือ 12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
ส่วนชาวบ้านที่อยู่ท้ายเขื่อนพระราม 6 และอยู่ริมแม่น้ำ ใน 3 อำเภอ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็คืออำเภอพระนครศรีอยุธยา นครหลวง และท่าเรือ วันนี้ต้องเร่งขนของหนีน้ำกันอย่างโกลาหล เพราะว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว