ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ

(26 ก.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 44 มีมติเอกฉันท์ให้กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกแล้ว ขณะที่ภาคีเซฟบางกลอยเรียกร้องให้แก้ปัญหาเรื่องสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่แก่งกระจาน

ที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 44 มีมติให้กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ วาระการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเข้าสู่ที่ประชุมเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยไทยได้รับการสนับสนุนจาก รัสเซีย จีน โอมาน ซาอุดีอาระเบีย สเปน เอธิโอเปีย เซนต์คิตส์แอนด์เนวิส มาลี ส่วนนอร์เวย์ไม่เห็นด้วยกับวาระนี้ ขณะที่ IUCN ในฐานะองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก เสนอให้เลื่อนการเสนอการขึ้นทะเบียนออกไป รวมทั้งก่อนหน้านี้ ได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษชนของสหประชาชาติ เสนอให้ยืดการขึ้นทะเบียนออกไป

กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ภายใต้เกณฑ์ข้อที่ 10 ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ การดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถิ่นที่อยู่อาศัยที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในถิ่นกำเนิด รวมไปถึงการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่มีคุณค่าโดดเด่นเชิงวิทยาศาสตร์ หรือ เชิงอนุรักษ์ระดับโลก

รวมถึงพบชนิดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีคุณค่ายิ่งด้านการอนุรักษ์และวิทยาศาสตร์สัตว์ที่หายาก เช่น จระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทย สมเสร็จ เสือโคร่ง ช้าง กระทิงรวมทั้งพื้นที่สำคัญเพื่อการอนุรักษ์นก มากกว่า 490 ชนิด ป่าผืนนี้ยังเป็นแหล่งต้นน้ำของพื้นที่ชุ่มน้ำเขาสามร้อยยอด และพื้นที่เกษตรกรรมใน จ.ราชบุรี, จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประเทศไทยพยายามผลักดันพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน และเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก โดยมีการนำเสนอมาแล้วถึง 3 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2562 จนเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญครั้งที่ 44 ในปีนี้ โดยก่อนนี้ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 43 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจัน ให้ไทยแก้ไข 3 ข้อ คือ ขอบเขตระหว่างไทยและเมียนมา, ศึกษาความสมบูรณ์หลากหลายหลังขอบเขตพื้นที่ลดลง และแก้ไขข้อห่วงกังวลเรื่องชุมชนในพื้นที่

ซึ่งที่ประชุมครั้งนี้เห็นว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการแล้วในสองข้อแรก ส่วนเรื่องกรณีชุมชนในพื้นที่ ฝ่ายที่สนับสนุนเห็นว่าการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติไม่ควรนำเรื่องสิทธิมนุษชนมาใช้ในการตัดสิน

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มภาคีเซฟบางกลอย ได้เคลื่อนไหวรณรงค์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขอให้มีการชะลอการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก จนกว่าปัญหาสิทธิมนุษยชนจะได้รับการแก้ไข

ทั้งนี้ กลุ่มป่าแก่งกระจานนั้น เป็นแหล่งมรดกโลก แห่งที่ 6 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ แห่งที่ 3 ของไทย นับตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง ในปี พ.ศ. 2534  และกลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ ในปี พ.ศ. 2548