พระราชสำนัก

กองทัพเรือ ยุติซ้อมใหญ่ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ครั้งที่ 2 หลังฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก

โดย petchpawee_k

23 ต.ค. 2567

8 views

วานนี้ ( 22 ต.ค.67) เมื่อเวลา 15.14 น. กองทัพเรือ โดยคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี (คตร.) ได้จัดการซ้อมใหญ่ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 27 ต.ค. ที่วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร โดยวันนี้เป็นการซ้อมใหญ่เสมือนจริง ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคได้เริ่มต้นเคลื่อนตัวออกจากท่าวาสุกรีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นได้ไม่นานได้เกิดพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้ขบวนเรือเกิดความยากลำบากในการฝึกซ้อม น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจำนวนมาก กองทัพเรือจึงประกาศยุติการซ้อมลงทันทีเพื่อความปลอดภัยของฝีพายนายทหารทุกคน นอกจากนี้ประชาชนที่เดินทางมาเฝ้ารอชมขบวนเรือบางส่วนยังคงตากฝนรอชมขบวนเรือ แต่บางส่วนได้ทยอยกันเดินทางกลับ

การนี้ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคไปแล้วหนึ่งครั้งก่อนหน้านี้ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 แต่เป็นครั้งแรกในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร ซึ่งการจัดรูปขบวนเรือพระราชพิธีตามรูปแบบโบราณราชประเพณี มีจำนวนเรือทั้งสิ้น 52 ลำ แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย


ริ้วสายกลางซึ่งเป็นเรือสายสำคัญประกอบด้วยเรือพระที่นั่ง 4 ลำ คือ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เป็นเรืออัญเชิญผ้าพระกฐินประดิษฐานเหนือบุษบก ลำที่ 2 เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เป็นเรือที่ประทับ เรือลำที่ 3 เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เป็นเรือที่ประทับของพระบรมวงศ์ และเรือลำที่ 4 เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เป็นเรือพระที่นั่งสำรอง

ส่วนริ้วสายในขนาบข้างสายเรือพระที่นั่งมีเรือทองขวานฟ้าและเรือทองบ้าบิ่นเป็นเรือประตูหน้า เรือเสือทยานชลและเรือเสือคำรณสินธุ์เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 8 ลำ และปิดท้ายริ้วสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาวและเรือเอกไชยหลาวทองซึ่งเป็นเรือคู่ชัก รวมทั้งสิ้น 14 ลำ และริ้วที่ 3 เป็นริ้วสายนอกประกอบด้วยเรือดั้งและเรือแซง สายละ 14 ลำ รวมทั้งสิ้น 28 ลำ และจะเริ่มต้นเคลื่อนออกจากท่าวาสุกรี ไปสิ้นสุดที่ท่าวัดอรุณราชวรามราม ระยะทาง 3.9 กิโลเมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า แม้ฝนจะตกลงมาอย่างหนัก ฝีพายทุกนายก็ยังคงทรหด อดทนพายเรืออย่างพร้อมเพรียงเพื่อประคองขบวนเรือที่ลอยอยู่กลางลำน้ำ ท่ามกลางสายฝนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ฝีพายมีท่วงท่าพายเรืออย่างเป็นจังหวะ สง่างาม และพร้อมเพรียง เสียงเห่เรือดังกึกก้องไปทั้งคุ้งน้ำ ขานรับเป็นจังหวะกับเสียงเห่ไม่ขาดสาย

ขณะที่คลื่นลมและสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมา ส่งผลให้ขบวนเรือเกิดการเอียงเล็กน้อย แต่กระนั้นด้วยความวิริยะอุตสาหะของฝีพายทุกนาย สามารถกู้สถานการณ์และประคับประคองขบวนเรือให้กลับมาสามารถแล่นกลางแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเป็นปกติ แม้การฝึกซ้อมเสมือนจริงในครั้งนี้จะพบเจอกับอุปสรรคและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยมากมาย แต่กระนั้นฝีพายทุกนายยังคงปฏิบัติหน้าที่ และตั้งใจฝึกซ้อมด้วยความมุ่งมั่น อีกทั้งขบวนเรือทั้ง 52 ลำ ยังคงงดงามแม้จะถูกบดบังไปด้วยสายฝนที่กระหน่ำลงมาก็ตาม