ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงษ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในไทยว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงเตือนโควิด-19 ระดับที่ 4 โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดสีฟ้า ที่เป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น และยังคงขอความร่วมมือให้เคร่งครัดมาตรการด้านสาธารณสุข

ส่วนสัดส่วนสายพันธุ์ที่ระบาด ไทยขณะนี้ 87 เปอร์เซนต์ เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด เป็นสายพันธุ์โอมิครอน โดยการระบาดในระลอกมกราคม 65 ยังไม่ถึงจุดพีคของการระบาดตามแบบจำลองสถานการณ์ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการควบคุมโรค เพื่อชะลอการแพร่ระบาดจึงทำให้กดตัวเลขผู้ติดเชื้อลงมาได้ แต่สถานการณ์ล่าสุด ห่วงพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังพบผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ซึ่งมาจากหลายปัจจัย เพราะเป็นพื้นที่สีฟ้า นำร่องการท่องเที่ยว และมาตรการต่างๆที่ผ่อนคลายกว่าจังหวัดอื่น รวมถึงเป็นจังหวัดที่มีการเคลื่อนที่ของประชากรมากที่สุด

ขณะที่สัดส่วนผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้ว และติดเชื้อซ้ำเป็นเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน หมายความว่า ภูมิจากการติดเชื้อก่อนหน้านี้ ไม่สามารถกันเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้ ส่วนผู้ติดเชื้อแล้วฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ พบว่า อาการไม่รุนแรง

ขณะที่ภาพรวมการฉีดวัคซีน ไทยฉีดวัคซีนสะสม 112 ล้านโดส ถือว่า เป็นการฉีดวัคซีนเยอะที่สุดของประเทศไทย แบ่งเป็นเข็ม 1 72 เปอร์เซนต์ เข็ม 2 67 เปอร์เซนต์ และเข็ม 3 15.8 เปอร์เซนต์ โดยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเร่งฉีด และร่นระยะเวลาฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้เร็วขึ้น ซึ่งวัคซีนที่นำมาใช้ฉีดเข็ม 3 มากที่สุดคือ ไฟเซอร์ ส่วนการฉีดวัคซีนเข็ม 4 ตอนนี้เน้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีความเสี่ยงก่อน

ขณะเดียวกันยังพบในในกลุ่มผู้สูงอายุ รับวัคซีนเข็ม 1 เพียง 70 เปอร์เซนต์ หมายความว่า ในผู้สูงอายุ 100 คน ก็อาจจะมีผู้สูงอายุอีก 20-30 คน ไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากเข้าไม่ถึง ไม่มั่นใจ กังวลถึงผลข้างเคียง จึงขอเชิญชวนให้เข้ารับวัคซีน

ทั้งนี้แม้เชื้อโอมิครอนถึงแม้จะไม่มีอาการรุนแรง แต่ก็อยากให้ผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น มาเข้ารนับวัคซีนให้มากที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงหากติดเชื้อแล้วอาจมีอาการีรุนแรงได้ ยืนยันว่าวัคซีนที่จัดหามาให้ปลอดภัย มีคุณภาพ ผลข้างเคียงน้อย

และหลังศบค.มีมาตรการผ่อนคลายให้ดื่มได้ถึง 5 ทุ่ม เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุข จะมีการประเมิน และติดตามสถานการณ์ทุกวัน หากพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน หรือนัยยะสำคัญ หรือพบการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ ก็จะสั่งปิด ส่วนการผ่อนปรนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ก็จะมีการผ่อนปรนหลังจากนี้ เพราะที่ผ่านมาก็พบว่า พื้นที่นี้เป็นจุดเสี่ยงของการระบาด เช่นมื่อครั้งระบาดของเชื้อโอมิครอนช่วยปีใหม่

ส่วนมาตรการเข้าประเทศแบบ Test and Go ที่จะเริ่มเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันไทยมีมาตรการคัดกรองผู้เข้าประเทศที่เข้มงวด แต่ยอมรับว่า มีผู้ติดเชื้อหลุดออกมาได้ แต่ก็มีระบบเฝ้าติดตาม

ขณะที่สถานการณ์เตียงโควิดขณะนี้ อัตราการครองเตียงอยู่ 30 เปอร์เซนต์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาการสีเขียว ส่วนเตียงเหลือง และแดงอัตราครองเตียงอยู่ที่ 5 เปอร์เซนต์ ย้ำว่าแนวทางการรักษาหลักในขณะนี้ หากไม่มีอาการ อาการน้อย จะให้รักษาผ่านระบบ Home Isolation หรือ Community Isolation หากเริ่มมีอาการจะส่งต่อไปรักษาในโรงพยาบาล

ส่วนแนวโน้มของเชื้อโควิดให้เป็นโรคประจำถิ่นในปีนี้ นพ.เกียรติภูมิ บอกว่า ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น และหากผู้ติดเชื้อไม่มีอาการรุนแรง เสียชีวิตต่ำ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ และมาลาเลีย ซึ่งสามารถรักษาที่บ้านได้ ก็จะเข้าเณฑ์การเป็นโรคประจำถิ่น แต่ย้ำว่า จะต้องมีการฉีดวัคซีนทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่