เจ้าหน้าที่แจงตรวจสต็อคหมูพบอาจผิด 3 ข้อ เบทาโกรยันไม่ได้กักตุนหมู

สังคม

เจ้าหน้าที่แจงตรวจสต็อคหมูพบอาจผิด 3 ข้อ เบทาโกรยันไม่ได้กักตุนหมู

โดย panisa_p

20 ม.ค. 2565

2.5K views

ความคืบหน้ากรณีทางจังหวัดสงขลา รวมทั้งปศุสัตว์จังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบห้องเย็นของ บริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.จะนะ จ.สงขลา ตามแผนการปฏิบัติงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการตรวจสอบห้องเย็นกรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกร และพบเนื้อสุกรในสต็อคเป็นของ บริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม ใน จ.พัทลุง เข้ามาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นดังกล่าวจำนวน 211,361 กิโลกรัม ในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา และมีการนำออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งน่าสงสัย จึงได้อายัดไว้ตั้งแต่วานนี้ (19 ม.ค.)



ก่อนที่ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทาง นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้าร่วมตรวจสอบ และประชุม เพื่อดูเอกสารหลักฐาน และการชี้แจงเกี่ยวกับเนื้อสุกรจำนวนดังกล่าวจากทางบริษัท และผู้เกี่ยวข้องนั้น


ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 20 ม.ค. 65 หลังจากที่ทาง นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้มอบหมายให้ นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นผู้แทนของจังหวัดในการประชุมร่วมกับทาง นายสัตวแพทย์ณัฐชัย วรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา , พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา , นางฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา และ พ.ต.ต.อนันต์ บัวแก้ว สารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และทางบริษัท โดยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ก่อนที่ข้อสรุปในเบื้องต้น



โดย นายสัตวแพทย์ณัฐชัย วรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา เผยว่า ในกรณีนี้จากข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา ของ บริษัท เบทาโกร พบว่า มีปริมาณสูงกว่าปกติตามที่ปรากฏ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่านระบบอิเล็อกทรอนิกส์ โดยย้อนหลังไปตั้งแต่เดือน พ.ค. 64-เดือน ม.ค. 65



และพบว่า มีการนำเข้ามาเก็บในห้องเย็นทั้งหมด 85 ครั้ง ยอดโดยรวม 574,541 กิโลกรัม และมีการนำออก 21 ครั้ง จำนวน 167,058 กิโลกรัม และวานนี้ทางด่ากักกันสัตว์สงขลา ได้เข้ามาตรวจเช็คสต็อคพบว่า มีสินค้าคงคลังอยู่ที่ประมาณ 201,650 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบยอดเนื้อสุกรและเอกสารที่ไม่ตรงกับยอดสุทธิอยู่ประมาณ 205,833 กิโลกรัม จึงเกิดข้อสงสัย และตรงตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมปศุสัตว์ หากพบการเคลื่อนย้ายที่ผิดปกติต้องรีบรายงาน จึงมีการแจ้งเรื่องไปยังทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทางจังหวัดสงขลา และเข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้


ด้าน นางฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา กล่าวด้วยว่า จากการร่วมตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2565 ในเรื่องการแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกรและเนื้อสุกร ซึ่งได้ระบุให้ผู้ครอบครองเนื้อสุกรน้ำหนักรวมตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ต้องแจ้งต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภายในวันที่ 10 ม.ค. 65 และครั้งถัดไปจะต้องแจ้งภายในวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป



ซึ่งในส่วนของห้องเย็นนั้นมีความผิดตรงที่ไม่ได้แจ้งการครอบครองไปที่พาณิชย์จังหวัดให้ได้รับทราบตามที่กำหนด อีกทั้งผู้เลี้ยงหรือเจ้าของสุกรก็จะต้องแจ้งข้อมูลสุกรให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทราบด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งจากการพูดคุยกับทั้งทาง บริษัท เบทราโกร ที่เป็นเจ้าของเนื้อสุกร และทางห้องเย็น บริษัท ปิติซีฟูดส์ ที่รับฝากเนื้อสุกร ระบุว่า มีเอกสารหลักฐานการจัดทำบัญชีครบ และจะเร่งนำส่งให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้รับทราบโดยเร็ว



พาณิชย์จังหวัดสงขลา กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรณีนี้จะเข้าข่ายการกักตุนเนื้อสุกรหรือไม่นั้น ต้องรอการตรวจสอบบัญชีของทั้ง 2 บริษัท ให้ชัดเจนเสียก่อน เนื่องจากตอนนี้ยอดที่ทาง บริษัท เบทาโกร แจ้งมาไม่ตรงกับสต็อคที่มีอยู่ในห้องเย็น โดยแจ้งเพียง 47,000 กิโลกรัม เท่านั้น อีกทั้งยังต้องวิเคราะห์การรับเข้าจ่ายออกเนื้อสุกรในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทด้วยว่า มีความสม่ำเสมอเหมือนกับช่วงก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องขอเวลาตรวจสอบ และไม่สามารถระบุว่า เข้าข่ายกักตุนหรือไม่ในขณะนี้



ขณะที่ พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า ในทางคดีนั้นเบื้องต้นพบว่า มีการกระทำผิดใน 3 ประเด็น ตามประกาศคณะกรรมการกลางฯ ทั้งในเรื่องการแจ้งการครอบครอง การแจ้งปริมาณสินค้า และการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกักตุนหรือไม่ อย่างไร ซึ่งขณะต้องรอการชี้แจง และเอกสารหลักฐานทั้งหมดจากทั้ง 2 บริษัท ที่จะมายื่นต่อคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาในเร็วๆนี้ และหากมีความผิดก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งได้รับความมือจากทั้ง 2 บริษัท และพร้อมให้ความเป็นธรรม



ทั้งนี้ในส่วนของเนื้อสุกรในสต็อคดังกล่าวนั้น ทางด่านกักกันสัตว์สงขลา ได้ทำการถอนอายัดแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นในส่วนของกระบวนการตรวจสอบของทางปศุสัตว์ รวมทั้งได้ขอดูเอกสารใบรับเข้าสุกรที่ห้องเย็น ก็มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์แนบมาด้วยทุกครั้ง ซึ่งไม่ผิดปกติ ที่เหลือจึงรอแค่ตรวจตรวจสอบเอกสารบัญชีให้ตรงกันเท่านั้น


ล่าสุดทางบริษัทเบทาโกร ได้ออกประกาศชี้แจงดังนี้

คำชี้แจงจากบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)

เรื่อง การตรวจสอบห้องเย็นกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรในจังหวัดสงขลา



จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และพบว่ามีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง จำนวน 201,650 กิโลกรัมในห้องเย็นดังกล่าวนั้น  



บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขา

ในกลุ่ม ในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางการปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด



ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่ง ที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้า ภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป



บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การจัดการสต๊อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต๊อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด



อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อปริมาณสุกรและระดับราคาที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความกังวลใจของผู้บริโภคต่อกรณีดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ

กรมปศุสัตว์อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมถึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ของผู้บริโภค



โดยการผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หมูปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรมให้กับประชาชน ในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยการจำหน่ายหมูสดในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ณ จุดจำหน่ายในโครงการ 667 แห่งทั่วประเทศ



เครือเบทาโกร ยึดมั่นในเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่ดี มีบรรษัทภิบาล พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสื่อสารสร้างความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรต่างๆ ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูป

ที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตดีของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน


คุณอาจสนใจ