เจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูแห่งหนึ่งในตำบลห้วยยาง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ปัญหาราคาหมูแพงในท้องตลาดเวลานี้ว่า แพงได้อย่างไรทั้งที่หมูเป็นในฟาร์มของตนที่เลี้ยงไว้กว่า 1,500 ตัว ขายกิโลกรัมละ 60 บาทเท่านั้น แต่กลับขายไม่ออก และกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ทั้งที่มีการเลี้ยงระบบปิดมีมาตรการป้องกันโรคอย่างหนาแน่น และเป็นหมูมีคุณภาพมาตรฐานไร้โรค นางปริญทิพย์ ศึกษา อายุ 50 ปี เจ้าของฟาร์ม เปิดเผยว่า ขณะนี้หมูที่เลี้ยงอยู่จำนวน 1,400 ตัว เลี้ยงมา 150 วัน ครบเวลาขายแล้ว แต่กลับไม่มีคนมาซื้อ ทั้งที่ขายในราคาประกันเพียง กิโลกรัมละ 60 บาท จึงทำให้แปลกใจว่าข่าวออกทุกวันว่าหมูขาดตลาดไม่พอขาย ทำให้ราคาขึ้น แต่ของตนเองกลับไม่มีคนมาซื้อ จึงต้องเลี้ยงต่อไป สิ้นเปลืองค่าอาหารต่อไปอีก ไม่รู้จะทำอย่างไร

ส่วนเรื่องโรคระบาดนั้นยอมรับว่ามีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 แล้ว ฟาร์มของตนและเจ้าของฟาร์มต่าง ๆได้มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น ห้ามคนนอกเข้าออกฟาร์ม ส่วนคนเลี้ยงจะต้องทำการพ่นยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าฟาร์มทุกครั้ง เพื่อให้รอดพ้นจากโรคระบาด นายปริญทิพย์ ยังกล่าวว่า ตนเองไม่เข้าใจ ทำไมหมูจึงขึ้นราคาขนาดนี้ ทั้งที่หมูเป็นในฟาร์มไม่มีคนมาซื้อ แถมยังขายราคาหน้าฟาร์มแค่ 60 บาทต่อกิโลกรัม แต่เมื่อไปถึงผู้บริโภคราคากลับพุ่งสูงกว่า 220 บาท ไม่รู้ไปแพงตรงไหน คนเลี้ยงขายได้ราคาถูก ผู้บริโภคซื้อแพง เรื่องหมูฟาร์มไม่มีคนซื้อ ไม่ได้ประสบปัญหาเฉพาะฟาร์มเดียว ประสบปัญหากันหลายฟาร์ม ทั้งในพื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี และจังหวัดตราด ซึ่งขณะนี้มีหมูที่ครบอายุขายคงค้างอยู่ฟาร์มจำนวนหลายหมื่นตัว จนทำให้ผู้เลี้ยงต้องแบกรับภาระค่าอาหารจนแทบจะรับไม่ไหวแล้ว

เมื่อสอบถามไปยังผู้ซื้อ คือ พ่อค้าคนกลาง อ้างว่าเป็นไปตามกลไกตลาด จึงยิ่งแปลกใจเพราะหมูขาดตลาดอยู่จนราคาหน้าเขียงพุ่งกระฉูด แต่หมูฟาร์มกลับขายไม่ออก แถมราคายังคงที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ใช่ราคา 100-110 บาทตามราคากลาง จึงอยากฝากให้ภาครัฐช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับวงการผู้ค้าหมู แล้วขอให้รีบแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ก่อนที่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจะตายกันหมด