เผยคลิปนาที หนุ่ม CEO วิ่งหนีแก๊งโชเฟอร์ไล่รุมทำร้าย หลังปั่นจักรยานชนกระจกรถคู่กรณี

ข่าวโซเชียล

เผยคลิปนาที หนุ่ม CEO วิ่งหนีแก๊งโชเฟอร์ไล่รุมทำร้าย หลังปั่นจักรยานชนกระจกรถคู่กรณี

10 ม.ค. 2565

659 views

วันที่ 9 ม.ค. 65 เพจ “Nick Kanakakorn - สุทธิพงศ์ กนกากร” CEO บริษัทชื่อดัง แชร์เหตุการณ์ จากภาพวงจรปิด เวลาประมาณ 19.44 น. เหตุเกิดวันที่ 30 ธ.ค.64 ถนนนราธิวาส บริเวณสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี วินาที หลังจากนำจักรยาน ขึ้นมาจากถนน จุดบริเวณใกล้ที่ช่องจอดจักรยาน แล้วมีรถคันคู่กรณี ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว วิ่งลงมาจากรถ ชี้หน้าคุณนิค แล้วเริ่มมีกลุ่มโชเฟอร์



พร้อมพวกวิ่งเข้ามาดักหน้า ดักหลัง ประมาณ 3-4 คน รุมทำร้าย โดยภาพจะเห็นได้ว่า คุณนิค พยายามวิ่งหนีขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้า พอไปถึงจุดช่วงกลางบันได โดนกลุ่มคู่กรณีวิ่งไล่ตามประกบข้างซ้ายขวา กระหน่ำ ชกต่อย จากนั้นก็ถูกล็อกตัวลงมาข้างล่าง แถมรุมทำร้ายร่างกายซ้ำอีก



พร้อมระบุข้อความว่า “นี่เกิดขึ้นกลางเมือง ที่หน้าตึกมหานคร ถนนนราธิวาส ตรง BTS ช่องนนทรี วันที่ 30 ธันวาคม ตำรวจ สน ยานนาวา กำลังสอบสวนอยู่ครับ ตัวผมคือคนใส่หมวกจักรยาน โดนไปแบบนี้ก็เจ็บบริเวณใบหน้า ศรีษะ ต้นแขน ต้นขา



เรื่องมันเริ่มมาจากจอดรถซ้อนคันในที่ห้ามจอด มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้องก็จริง แต่ถ้าเห็นเป็นกลุ่มรถฟอจูนเนอร์และรถตุ๊กๆตรงนี้ อย่าไปยุ่งด้วย เขาถือว่าเป็นที่ของเขา ฝากสน ยานนาวา ไปไล่แก๊งค์นี้ออกหน่อยนะครับ หลังเกิดเหตุ ก็ยังอยู่ตรงนี้เป็นปกติ”



ทีมข่าวได้ติดต่อสอบถาม คุณสุทธิพงศ์ กนกากร ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตอนนั้นปั่นจักรยานบนถนนนราธิวาส ระหว่างที่คุณนิค ปั่นจักรยานมา ได้ขี่หลบรถมาได้คันหนึ่ง แล้วมีรถอีกคันจอดขวางอยู่เลนที่ 2 คุณนิคจึงขี่หลบออกมา แล้วช่องทางหลบรถมันก็แคบ ประกอบถูกรถอื่นที่กำลังขับตามบีบแตรไล่ พร้อมกับสาดไฟมา ในเลนที่ 3 และ 2 พอขี่จักรยานหลบ ทำคุณนิคขี่จักรยานไปโดนกระจกรถของคู่กรณี แล้วได้เอามือปัดกระจกรถคู่กรณีออก เพื่อไม่ให้ตัวของคุณนิค และจักรยานไปชนรถของเขา เป็นรถฟอร์จูนเนอร์รับจ้าง จอดซ้อนคันกันอยู่ด้านซ้ายมือ



ซึ่งอยู่ในเขตห้ามจอด ห่างกับสถานีรถไฟฟ้าไม่ไกลนัก จึงทำให้คู่กรณีไม่พอใจ จึงขับรถไล่ตามเอาเรื่อง จากคุณนิค จึงจอดหยุดปั่นจักรยาน เพราะกลัวจะถูกชน ทำให้คุณนิคนำจักรยานมาขึ้นมาริมฟุตบาท บริเวณช่องจอดจักรยาน ใต้บันไดสะพานสถานีรถไฟฟ้า มีการแลกเปลี่ยนคำพูดกันนิดหนึ่ง ประมาณ 2 – 3 คำ จากนั้นคู่กรณี จึงปรี่เข้าต่อยคุณนิคทันที คุณนิค จึงรีบวิ่งหนี โดนทำร้ายหลายอย่าง จนแว่นหลุด รองเท้าหลุด จนมองไม่เห็นทาง ระหว่างที่วิ่งหนีขึ้นบันไดทางรถไฟฟ้า ก็โดนแก๊งคู่กรณี ประมาณ 5 คน เข้ารุมต่อยไม่ให้หนี แล้วช่วงจุดกลางสะพานทางขึ้นบันได



กลุ่มคู่กรณี ยังรุมต่อยไปหลายครั้ง จากนั้น กลุ่มคู่กรณี กึ่งพยุง กึ่งลากตัวคุณนิคลงมาทำร้ายซ้ำ จากนั้น คุณนิค จึงวิ่งหนีเข้าไปหลบในตึกมหานคร



คุณสุทธิพงศ์ กนกากร เล่าต่ออีกว่า ระหว่างที่ตำรวจมาไกล่เกลี่ย ขณะนั้นมีการแลกเปลี่ยนคำพูดดุเดือดกันพอสมควร ส่วนคุณนิค บอกคู่กรณีว่า ได้จอดรถริมถนน จุดผิดกฎหมาย แถมจอดรถซ้อนคัน มันทำให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น และคู่กรณี ตอบกลับว่า ก็จะจอดจุดนี้ แล้วมายุ่งอะไรด้วย แล้วตำรวจก็เดินทางมาถึง



อีกอย่าง คุณนิคมองว่า จุดนี้อาจจะเป็นจุดหากิน พอจะทราบว่าบริเวณดังกล่าวอยู่กันเป็นพวก และคู่กรณีดังกล่าวยังอ้างว่า เป็นตนเองเป็นคนขับแกร็บ ซึ่งกำลังจอดรอรับผู้โดยสาร จากนั้น เดินทางไป ที่ สน.ยานนาวา ตำรวจได้สอบปากคำคู่กรณี ได้แจ้งความดำเนินดดี ทำร้ายร่างกายเกินกว่าเหตุ ต่อไป



คุณสุทธิพงศ์ กนกากร เล่าต่ออีกว่า ต่อมาไปสอบถามบริษัทให้บริการเรียกรถ ซึ่งทางบริษัทก็แจ้งกลับมาว่า คู่กรณีของคุณนิค ไม่ได้เปิดแอปเป็นสมาชิกแต่อย่างใด



ทั้งนี้ คุณนิค ตรวจสอบบัตรประชาชนกลุ่มคู่กรณี ที่ตำรวจบันทึกประจำวัน แล้วถ่ายบัตรเอาไว้ พอเช็ค พบว่า นามสกุลเดียวกันอีก 3 คน แถมกลุ่มคู่กรณี ได้ปฎิเสธว่า ไม่รู้จักกัน แต่กลับอยู่หมู่บ้านเดียวกันหมด ในพื้นที่จังหวัดหนึ่ง



อย่างไรก็ตาม คุณนิค ยังตั้งคำถามว่า การที่ปล่อยให้ถนน กลายเป็นจุดที่ทำมาหากินของตัวเอง ซึ่งมันเป็นการเบียดเบียนสังความอีกอย่างหนึ่ง และก็ใช้กันจนเป็นเหตุปกติ จนไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ผิด แล้วมันก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับคนอื่น หรือกลายเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง เท่านั้น



จุดประสงค์ของการโพสต์ลงโซเชียล คือ ปัญหาการใช้ถนน อาศัยเป็นพื้นที่ทำมาหากิน จนไม่รู้สึกว่าเป็นถนน คือ พื้นที่สาธารณะ ที่ประชาชนต้องใช้ร่วมกัน และเป็นอีกหนึ่งปัญหาทำให้การสัญจรติดขัด และกรณีที่ตนเองมาโพสต์ก็เป็น กรณีเล็กๆ เท่านั้น ตนเองจึงออกมาพูดในโซเชียล

คุณอาจสนใจ

Related News