หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบหายใจ เชื่อว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" จะแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ในทวีปแอฟริกา ก่อนกระจายต่อไปทั่วโลก และอาจแทนที่สายพันธุ์ "เดลตา" ในไม่ช้า

เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC บอกว่า เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังแปลกใจ วา ทำไมคนผิวดำ 1,300 ล้านคน ในทวีปแอฟริกาถึงติดโควิดน้อย แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนน้อยมาก และมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าในทวีปแอฟริกา

หมอมนูญ สันนิษฐานว่า เป็นเพราะลักษณะทางพันธุกรรมของคนผิวดำต่างจากคนผิวขาวและคนเอเชีย ถ้าย้อนไป พบว่าสายพันธุ์ D614G และสายพันธุ์อื่นๆ เช่นสายพันธุ์แอลฟา เกิดกับคนผิวขาวในทวีปยุโรป แต่คนไทย และคนอาเซียน ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้น้อย เชื้อจึงไม่สามารถจะแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในคนเอเชียได้ 

จึงมีการตั้งคำถามว่า อาจเป็นเพราะคนเอเชียฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค ในขณะที่คนอเมริกัน และคนในยุโรปตะวันตกไม่ฉีด หรือเปล่า ส่วนสายพันธุ์เดลตาเกิดขึ้นในคนอินเดีย จึงระบาดได้ทั้งคนผิวขาวและคนเอเชีย แต่คนผิวดำในทวีปแอฟริกา กลับพบน้อย

ส่วนสายพันธุ์ล่าสุดคือ"โอไมครอน"เกิดขึ้นในคนผิวดำ ที่บอตสวานา แล้วแพร่กระจายไปยังแอฟริกาใต้ จนจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในแอฟริกาใต้ แซงหน้าสายพันธ์เดลตาไปแล้ว 

หมอมนูญเชื่อว่า จากนี้สายพันธุ์โอไมครอน จะแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในคนผิวดำ ที่ทวีปแอฟริกา และจะกระจายต่อไปทั่วโลก เล่นงานทั้งคนผิวขาว,เอเชีย,ผิวดำ และอาจจะแทนที่สายพันธุ์เดลตาในไม่ช้า

คนไทยเคยป่วยโควิด ยังเสี่ยงต่อ 'โอไมครอน' ส่วนนายแพทย์ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ แนะนำให้ "ขันน็อต"การตรวจคัดกรองโรค, การกักตัว, ระบบติดตามตัว, รวมถึงเร่งขยายจุดตรวจ RT-PCR เพราะโอไมครอน ติดเชื้อในคนที่เคยมีประวัติติดเชื้อโควิดมาก่อน ได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 2.4 เท่า

สอดคล้องกับผลวิจัยของ Pulliam JRC จากแอฟริกาใต้ ที่พบว่า เมื่อวิเคระห์อัตราการติดเชื้อซ้ำตามสายพันธุ์ตั้งแต่อู่ฮั่น จนถึงเดลตา พบว่า เบต้าและเดลตามีอัตราการติดเชื้อซ้ำน้อยกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่โอไมครอนกลับติดเชื้อซ้ำมากขึ้นอย่างชัดเจน

อาจบอกได้ว่า ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อมาก่อนหน้า ไม่สามารถป้องกันโอไมครอนได้ แปลว่าคนไทย กว่า 2 ล้านคน ที่เคยติดเชื้อมาก่อน ยังถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อสายพันธุ์โอไมครอน ดังนั้นทุกคนจึงต้องป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด

ขณะที่นักไวรัสวิทยา จากไบโอเทค เผยไทยเตรียมศึกษาภูมิคุ้มกันวัคซีนโควิดกับสายพันธุ์โอไมครอน คาดแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ขณะที่ชุดตรวจ ATK ยืนยัน สามารถตรวจวัดสายพันธุ์โอไมครอนได้

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย นวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. ระบุว่า โอกาสการเกิดแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนเกิดขึ้นได้ในทุกประเทศ เพียงแต่ต้องวางมาตรการควบคุมให้ชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศไทย ควรเพิ่มการตรวจคัดกรอง ทั้งตรวจ RT-PCR และเพิ่มความถี่ในการตรวจ ATK

ส่วนข้อมูลที่นักวิจัย University of Geneva ยืนยันต่อกับทีมเยอรมันนั้น เป็นการตรวจที่ต่างประเทศ ขณะที่ไทยชุดตรวจ ATK ส่วนใหญ่ ยังสามารถตรวจคัดกรองเจอการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนได้อยู่ แต่ไม่ขอระบุยี่ห้อ เพราะใช้ได้หมด

ดร.อนันต์ บอกด้วยว่า ขณะนี้ได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมศึกษาผลของภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ โอไมครอน โดยเตรียมตัวอย่างเลือดจากกลุ่มตัวอย่าง ที่ได้รับวัคซีนโควิดแล้ว ทั้ง 8 สูตร เพื่อทดสอบว่า สายพันธุ์โอไมครอน สามารถหลบภูมิคุ้มกัน ตามที่นักวิจัยหลายประเทศกังวลกันหรือไม่

ขณะนี้ต้องรอการส่งมอบตัวไวรัสจำลองจากต่างประเทศ ที่จะมาถึงในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นจะใช้เวลา 5 วัน เพื่อสร้างไวรัสจำลองและทดลอง คาดจะมีความชัดเจน เร็ว ๆ นี้

ดร.อนันต์ ยังบอกอีกว่า จากข้อมูลที่มีในขณะนี้ โอไมครอน ยังไม่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น แต่ก็ยังจำเป็นต้องรับวัคซีนป้องกันโควิด และปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด

ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/iZoMQw1HKko