เปิดไทม์ไลน์กู้ชีพช่วยชีวิตสาวท้อง 6 เดือน โดนแท็กซี่ลากก่อนตายทั้งกลม พบข้อมูลไม่ตรงกับ รพ.

สังคม

เปิดไทม์ไลน์กู้ชีพช่วยชีวิตสาวท้อง 6 เดือน โดนแท็กซี่ลากก่อนตายทั้งกลม พบข้อมูลไม่ตรงกับ รพ.

โดย pattraporn_a

27 ต.ค. 2564

405 views

กรณีสาวท้อง 6 เดือนโดนรถแท็กซี่ชนอาการสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยสามีคาใจว่า 1 ใน สาเหตุที่ทำให้ภรรยาเสียชีวิต เพราะมัวแต่รอบัตรประชาชนไม่ยอมนำส่งโรงพยาบาลหรือไม่ และพอนำส่งกลับไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ไกลออกไปถึง 9 กิโลเมตร


ทีมข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นายนวพล พงษ์ทอง เจ้าหน้าที่กู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเป็นคนไปถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรก เล่าว่า เหตุเกิดประมาณเที่ยงคืนกว่า ได้รับแจ้งเหตุมีผู้บาดเจ็บถูกแท็กซี่ทับ เมื่อไปถึงก็ตรวจสอบอาการผู้บาดเจ็บพบว่าเป็นเคสหนัก เพราะคนไข้หมดสติ ตอบคำถามไม่รู้เรื่อง ถือเป็นผู้ป่วยหนัก จึงแจ้งศูนย์เอราวัณ ประสานรถโรงพยาบาลที่มีพยาบาล และอุปกรณ์ที่พร้อมกว่าเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งระหว่างรอ ประมาณ 15-20 นาที ก็ทำแผลเบื้องต้นให้ผู้บาดเจ็บ และให้ออกซิเจน


เมื่อรถโรงพยาบาลมาถึงก็รายงานขั้นตอนการปฐมพยาบาลและอาการผู้ป่วย ขณะที่เจ้าหน้าที่รถพยาบาลถามหาญาติคนไข้ ขอเลขบัตรประชาชน ญาติบอกบัตรอยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่รถพยาบาลจึงบอกให้ไปเอาบัตรประชาชนมา อ้างว่าไม่มีบัตรก็ส่งตัวผู้ป่วยไม่ได้ ระหว่างนั้นเขาเสนอว่าให้ส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลใกล้ๆ ก่อน หรือออกเดินทางไปก่อนระหว่างรอบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ช่วยชีวิตมาที่รถเขาแล้วออกไปที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ที่ผู้ป่วยมีสิทธิ์รักษาอยู่


หากยึดจากคำบอกเล่าของกู้ชีพท่านนี้ สรุปได้ว่ารับแจ้งเหตุเที่ยงคืนกว่าออกจากแยกหนองใหญ่  ถึงจุดเกิดเหตุ ประเมินอาการ 1 นาทีก่อนจะรีบประสานรถพยาบาลมาสนับสนุน ระหว่างนั้นทำหัตถการช่วยผู้บาดเจ็บ และประมาณ 00.30น. รถพยาบาลมาถึง




ขณะที่ทาง นายแพทย์ ชัยโชติ นุตกุล เลขานุการคณะกรรมการข้อร้องเรียน โรงพยาบาลตากสิน ได้ชี้แจงว่า ในคืนเกิดเหตุกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูประสานรถแอดวานซ์ ตอนเที่ยงคืน 25 นาที ของวันที่ 25 ตุลาคม รถพยาบาลใช้เวลาเพียง 16 นาที ไปถึงที่เกิดเหตุ ตอนเที่ยงคืน 41 นาที และใช้เวลาแค่ 1 นาที รถกู้ภัยก็ พาผู้ป่วย และพยาบาลออกรถไปโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และไปถึงที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ตอน 01.02 น หรืออีก 20 นาทีถัดมา




ซึ่งประเด็นที่ญาติตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมจึงนำส่งโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ทั้งที่อยู่ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุประมาณ 9 กิโลเมตร แต่ไม่นำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ อย่างโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 3.5 กิโลเมตรนั้น


ทางโรงพยาบาลชี้แจงว่า ทางศูนย์เอราวัณจะเป็นผู้ประสาน โดยประเมินจากโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และมีศักยภาพเพียงพอในการดูแลผู้ป่วย ส่วนประเด็นเกี่ยวกับขอบัตรประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้รอ แต่ในระหว่างนั้นมีกระบวนการนำส่งตลอด และที่ต้องขอเลขบัตร เพื่อให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นของผู้ป่วย


ขณะที่ สามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งเฝ้าศพภรรยาและลูกอยู่ที่วัดสะแกนอก ยืนยันว่า ไม่มีทางที่รถพยาบาลจะใช้เวลาเพียง 1 นาที เคลื่อนย้ายตัวภรรยาไปโรงพยาบาล เพราะมีการขนย้ายอุปกรณ์ช่วยชีวิต และสอบถามหาบัตรประชาชนด้วย พอรถของกู้ชีพพาภรรยาไปส่ง เขาก็นั่งรถของโรงพยาบาลตามไป ปรากฎว่ารถของเขาไปถึงก่อน


จึงสอบถามว่าทำไมช้า ถึงได้รู้ว่า รถที่พาภรรยามาได้ไปแวะที่โรงพยาบาลอื่นก่อน เพื่อนำชื่อไปตรวจสอบว่ามีสิทธิ์รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นไหม และเรื่องนี้ทำให้เขาคาใจมาจนถึงวันนี้ พร้อมยอมรับว่าสภาพจิตใจยังไม่ดี และอยากให้คนขับรถแท็กซี่มาขอขมาศพ


ขณะที่ นางนงนภัส ตั้งนิมิตโชค แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า อยากให้ดวงวิญญาณของลูกมาหา อยากกอด จะมาสภาพไหนก็ได้ เพราะเมื่อคืนเขาไปหาเพื่อนบอกว่าเจ็บแขนมากเลย ปวดท้อง ซึ่งพรุ่งนี้จะมีพิธีฌาปนกิจลูกสาวและหลาน ในเวลาบ่ายโมง แต่ยังกังวลว่าจะมีคนมาขโมย เถ้ากระดูกของหลานเอาไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ล


ส่วนความคืบหน้าคดี พลตำรวจตรี พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เปิดเผยว่า แจ้งข้อหากับคนขับรถแท็กซี่แล้ว ในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนปล่อยตัวกลับไป เนื่องจากไม่ได้หลบหนี



ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/xXfooyVupZI

คุณอาจสนใจ

Related News