ประเด็นเรื่องคดีสินบนนำจับรถหรูของผู้กำกับโจ้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า รถ 270 คัน ยังไม่พบหลักฐานการนำเข้าที่ถูกต้อง ยืนยัน ‘ผู้กำกับโจ้’ ไม่มีอำนาจหน้าที่ หรือได้รับมอบหมายให้จับกุมรถยนต์หนีภาษี

เมื่อวานนี้ พลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะทำงานได้มีการประชุมความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐาน ในการดำเนินคดีกับ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก

โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับคดีสินบนนำจับรถหรู ของผู้กำกับโจ้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้กำกับโจ้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับจับกุมรถหลบเลี่ยงเสียภาษี จำนวน 410 คัน

ในจำนวนนี้ 270 คัน เป็นรถที่แจ้งหายไว้ในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย และ สิงค์โปร์ ซึ่งแบ่งเป็นรถที่แจ้งหายก่อนการถูกยึดอายัด 101 คัน และรถที่แจ้งหายหลังถูกยึดอายัดอีก 169 คัน

ส่วนอีก 140 คันที่เหลือ ยังไม่พบข้อมูลและที่มา ซึ่งหากชัดเจนแล้วก็จะเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้กำกับโจ้ภายหลัง

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบไปยังผู้เสียหายในต่างประเทศที่แจ้งความว่ารถยนต์หายก็ไม่พบข้อมูล จึงเชื่อได้ว่า มีตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง ที่ร่วมในการจับกุมรถยนต์หรู และทำกันเป็นขบวนการ ก่อนนำรถมาส่งให้กรมศุลกากรออกประมูล โดยจะได้รางวัลนำจับร้อยละ 5 ของราคาประเมิน

ส่วนผู้ที่ประมูลรถยนต์ออกไป ก็พบว่าเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการรอเอกสารจากกรมศุลกากรเพิ่มเติม

ล่าสุดพลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเพิ่มเติมเมื่อเช้าวันนี้ว่า จากการตรวจสอบก็พบข้อพิรุธหลายจุด โดยเฉพาะรถจำนวน 101 คัน ที่เข้ามาแล้วถูกตรวจยึด จากนั้นกลับปรากฎเอกสารขึ้นภายหลัง ซึ่งเข้าข่ายการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ

ทั้งนี้ ยังยืนยันว่า จากการตรวจสอบ ไม่พบว่าผู้กำกับโจ้ มีหน้าที่ในการจับกุมรถยนต์หรูแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับยาเสพติดมาโดยตลอด