'พิยดา' ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่เคยโกงใคร เปิดข้อ กม.เข้าข่ายฉ้อโกง ปชช. ยอมความไม่ได้

สังคม

'พิยดา' ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่เคยโกงใคร เปิดข้อ กม.เข้าข่ายฉ้อโกง ปชช. ยอมความไม่ได้

โดย thichaphat_d

29 ก.ย. 2564

148 views

วานนี้ (28 ก.ย.) ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ควบคุมตัวนางสาวพิยดา อายุ 19 ปี แม่ค้าสาวออนไลน์ที่ถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในคดีหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้กับเด็กชายอายุ 14 ปี ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 หลังเข้าแสดงตัวกับตำรวจที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่


เบื้องต้นนางสาวพิยดาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของคำให้การของนางสาวพิยดา หลังจากที่เข้ามอบตัว ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีการหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้เด็กชายนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ที่อำเภอเชียงดาว ทั้งไม่เคยคุยและไม่เคยหลอกขาย


รวมทั้งอ้างว่าไม่รู้จักกับผู้ต้องหาหญิงอายุ 18 ปี และ 19 ปี ทั้ง 2 คน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้และไม่ได้จ้างให้เปิดบัญชีธนาคารด้วย โดยยอมรับแต่เพียงว่าเป็นแม่ค้าขายสินค้าออนไลน์ และเคยขายโทรศัพท์มือถือมือสองจริง แต่เลิกขายโทรศัพท์ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนทรัพย์สินทุกอย่างได้มาจากการขายสินค้าออนไลน์


อย่างไรก็ตาม คดีนี้แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน ร่วมกับ สอท.และสืบสวนภาค 5 ได้สืบสวนมาอย่างละเอียดรอบคอบ พยานหลักฐานที่ใช้ออกหมายจับมีความชัดเจนและเพียงพอที่จะดำเนินคดี


ส่วนการประกันตัวเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหามีการกระทำผิดในหลายพื้นที่ จึงขึ้นอยู่กับ พนักงานสอบสวน หรือศาลจะพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่ ส่วนท้องที่อื่นจะมีการอายัดตัวหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบหมายจับเพิ่มเติม โดยทราบว่ามีอีกประมาณ 4 คดี บางคดีทยอยออกหมายจับแล้ว บางคดีเริ่มมีการร้องทุกข์เพิ่มเติม ทั้งหมดมีพฤติการณ์ลักษณะเดียวกัน


ภายหลังสอบสวนนานกว่า 1 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปส่งดำเนินดคีตามกฏหมายที่สภ.นาหวาย เพื่อให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ และจะนำตัวฝากขังศาลจังหวัดศาล ในวันนี้ (29 ก.ย.) และยื่นคัดค้านการประกันตัวในชั้นตำรวจ


ส่วนบรรยากาศที่บ้านย่านบางกรวย จ.นนทบุรี ของนางสาวพิยดา ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 นำหมายเรียกผู้ต้องหา คือ นางสาวพิยดา มาติดไว้ที่หน้าบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นหมายเรียกครั้งที่ 2 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองตรัง จังหวัดตรัง ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหาย


โดยคดีนี้มีผู้เสียหายอายุ 30 ปี เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 63 ว่าได้สั่งซื้อโทรศัพท์มือถือมือสอง ยี่ห้อไอโฟน 8 ผ่านร้านค้าออนไลน์ในอินสตาแกรม ราคา 6,500 บาท แต่เมื่อโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับของจึงมาแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบัญชีที่โอนเงิน จนสามารถออกหมายเรียกนางสาวพิยดา ทองคำพันธ์


ซึ่งล่าสุดหลังผู้ต้องหาถูกจับกุมได้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายจับของ สภ.นาหวาย ทาง สภ.เมืองตรัง ก็จะดำเนินการทำเรื่องอายัดตัวมาดำเนินคดีด้วยอีกส่วนหนึ่งต่อไป


ด้านพลตำรวจตรีปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปปง. ได้ทำการอายัดทรัพย์สินของ นางสาวพิยดากับพวก ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน


ทรัพย์สินที่อายัดไว้ตรวจสอบมีประมาณ 10 รายการ เช่น บ้าน / ที่ดิน / รถยนต์ / เงินสด / กระเป๋าแบรนด์เนม รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหาย มายื่นเรื่องกับ ปปง. ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดความเสียหาย ภายใน 30 วัน เพื่อดำเนินการเฉลี่ยคืนทรัพย์สิน


พลตำรวจโทกรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันว่าจะขออายัดตัวนางสาวพิยดา มาสอบปากคำเพิ่ม เพราะมีผู้เสียหายมาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก เพื่อสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการหลอกขายไอโฟน และคนที่รับจ้างเปิดบัญชีม้า เพราะเชื่อว่านางสาวพิยดาไม่ได้ทำเพียงคนเดียว และหลังจากนี้จะเรียกแฟนและพ่อของนางสาวพิยดา มาให้ปากคำเพิ่มด้วยเช่นกัน


ทั้งนี้ทางกฎหมายความผิดฐานฉ้อโกง มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342 อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/PqvHq1xiFfM

คุณอาจสนใจ

Related News