ตาหมดหนทาง ประกาศขายตา-ไต แลกเงิน หวังซื้อบ้านคืน หลังลูกชายตกเป็นแพะคดีฆ่าคนตาย

สังคม

ตาหมดหนทาง ประกาศขายตา-ไต แลกเงิน หวังซื้อบ้านคืน หลังลูกชายตกเป็นแพะคดีฆ่าคนตาย

โดย weerawit_c

13 ก.ย. 2564

107 views

คุณตาวัย 67 ร้องสื่อหมดหนทาง ขึ้นป้ายไวนิลประกาศขายตาและไต แลกเงิน 8 แสน 5 หมื่น หวังไถ่ซื้อบ้านคืนจากธนาคาร หลังลูกชายตกเป็นแพะคดีฆ่า ผ่อนต่อไม่ไหว


อุบลราชธานี - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่งในตัวเมืองอำเภอเดชอุดม มีการติดป้ายประกาศขายดวงตา และไต ไว้บริเวณหน้าบ้าน พบว่าเป็นบ้านของนายบัวกัน สุนันทา คุณตาวัย 67 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นผู้ติดประกาศขายตาและไต เพราะต้องการนำเงินไปซื้อบ้านคืนจากธนาคารฯ หลังครอบครัวต้องนำเงินไปสู้คดีให้ลูกชายที่ตกเป็นแพะในคดีฆ่าคนตายเมื่อ 11 ปีก่อน


นายบัวกัน เปิดใจเล่าว่า เมื่อประมาณปี 2551 ได้มีนายหน้าชักชวนให้นำเอาบ้านไปจำนองกับธนาคารแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่า ตนไม่ต้องทำอะไรแค่ไปเซ็นต์เอกสารที่สำนักงานที่ดิน ขณะนั้นได้เงินสดมา 4 แสน นายหน้าหักไป 1 แสน ตนได้รับเงินจริง 3 แสนบาท และต้องผ่อนบ้านกับธนาคารเป็นงวดๆ ต่อมาทางธนาคารได้ติดต่อขอให้เปลี่ยนสัญญาใหม่ เพราะตนอายุมากแล้วจึงได้เปลี่ยนสัญญาเป็นชื่อของ นายชัยยันต์ ลูกชาย


แต่โชคร้ายเมื่อปี 2553 ลูกชายถูกตำรวจจับพร้อมกับเพื่อนรวม 5 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น แม้ลูกชายจะปฎิเสธว่าไม่ได้ฆ่าแต่ก็ต้องไปสู้คดีอยู่ในเรือนจำจนคดีถึงศาลอุทธรณ์ ศาลตัดสินจำคุกทั้ง 5 คน 24 ปี ทั้งหมดได้ยื่นฎีกาสู้คดีต่อ แต่ทนายยื่นไม่ทันจึงต้องรับโทษตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ส่วนคนอื่นๆ ศาลฎีกายกฟ้องเท่ากับลูกชายตกเป็นแพะติดคุกคนเดียว บ้านหลังนี้จึงต้องให้นางสาวอรทัย ลูกสะใภ้มารับช่วงผ่อนต่อ


หลังจากนั้นไม่นาน นางสาวอรทัย ก็กลับไปอยู่บ้านของตัวเอง ไม่สามารถผ่อนต่อได้จนธนาคารเข้ามายึดบ้านและฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอน จากนั้นปี 2561 ธนาคารได้เรียกเข้าไปชี้แจง ว่า บ้านหลังนี้ตกเป็นทรัพย์สินของธนาคารแล้ว แต่หากยังต้องการได้บ้านคืนให้หาพี่น้อง หรือญาติมาขอซื้อคืนได้ที่ราคา 850,000 บาท แต่ครอบครัวก็ไม่มีใครที่จะสามารถไปซื้อคืนได้เพราะไม่มีเงิน


นายบัวกัน ยังเล่าอีกว่า ตนเองรู้สึกทุกข์ใจมาก ลูกชายต้องติดคุกโดยที่ไม่ได้ทำผิดอะไร แถมบ้านต้องมาถูกยึด ตนกลัวจะไม่มีบ้านให้ลูกหลานอยู่ ซึ่งปัจจุบันบ้านหลังนี้อยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน มีตนเอง ภรรยา และหลานอีก 2 คน รายได้ก่อนโควิดได้จากการขายผักตามตลาด ได้วันละ 500 บาท พอมาช่วงโควิดก็ไม่สามารถไปขายผักได้ รายได้ที่มีเข้ามาตอนนี้มีแค่ 600 บาท จากเบี้ยคนชรา และญาติพี่น้อง เพื่อนของลูกชายที่เคยถูกจับด้วยกันนำมาให้บ้าง


ขณะที่ลูกชาย ได้ถูกดำเนินคดีในเรือนจำ มาร่วม 10 กว่าปีแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบ ลูกชายเหลือการต้องโทษอยู่ในเรือนจำ อีกประมาณ 8 – 9 เดือน ซึ่งการเป็นแพะรับบาปของลูกชาย จากการสู้คดีก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร แม้แต่ทนายความก็ยังถอย และปล่อยเรื่องลูกชายให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมาย และใช้เวลาต้องโทษในคุก ทั้งๆ ที่ลูกชายไม่ได้ก่อเหตุ


ทั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะตนเองหมดเงิน ไม่มีเงินว่าจ้างทนายสู้คดี และ หมดหนทางในการที่จะเดินทางไปร้องต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หน่ำซ้ำยังมาเจอบ้านที่เคยอยู่อาศัย สร้างมาด้วยแรงกาย แรงใจ และอดออม พยายามสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา ต้องมลายสิ้น จึงหมดหนทางขอประกาศขายอวัยวะ เพื่อนำเงินมาไถ่ถอนบ้านหลังนี้ ให้เป็นที่พักอาศัยของลูกๆ หลานๆ ส่วนตัวเองจะตายไปก็ไม่เสียดายชีวิต แม้การประกาศขายอวัยวะของตนเองจะมีหลายคนเตือนว่า ผิดกฎหมาย แต่ตนไม่สนใจแล้ว เพราะชีวิตนี้มันไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว

คุณอาจสนใจ