ศบค.รายงานสรุปสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ วันนี้ 17,970 คน อีก 10 คนจะถึง 18,000 คน และถือเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเกินหลักหมื่นคนติดต่อกันถึง 17 วัน (ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.ถึง 2 ส.ค.)แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 17,795 คน ผู้ติดเชื้อจากเรือนจำที่ต้องขัง 175 คน ส่งผลทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมรวมอยู่ที่ 604,421 คน

ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 178 คน ส่วนผู้ป่วยหายกลับบ้านแล้ว 13,919 คน ผู้ป่วยหายสะสมรวม 391,815 คน กำลังรักษาในโรงพยาบาล 208,875 คน

รอฟังรายละเอียดจากการแถลงของศบค. ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนเป็นแถลงสัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันจันทร์กับวันพฤหัสบดี

ส่วนการขึ้นป้ายของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ข้อความว่า "จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในความดูแลของโรงพยาบาลเกินศักยภาพต่อจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ ณ ขณะนี้ ท่านผู้มารับการบริบาล โปรดทำความเข้าใจสถานการณ์"

โดยเรื่องนี้ นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้ปลดป้ายนี้แล้ว สำหรับป้ายข้อความดังกล่าวทางโรงพยาบาลเพียงต้องการสื่อสารถึงผู้ที่เข้ามารับบริการให้เข้าใจสถานการณ์ เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมาก ในความเป็นจริงควรมีข้อความต่อท้าย ขออภัยในความไม่สะดวก จึงอาจทำให้การสื่อสารดูห้วนๆไป ยืนยันว่า ทางโรงพยาบาลยังคงเปิดให้บริการอยู่และหลังจากนี้ทุกโรงพยาบาลในสังกัด สำนักการแพทย์ กรณีที่ขึ้นข้อความสื่อสารถึงประชาชน ขอให้แจ้งทางสำนักก่อน เพื่อช่วยตรวจดูข้อความจะได้ไม่เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

หากยังจำกันได้ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โรงพยาบาลแห่งนี้ก็มีภาพแชร์ในโซเซียลที่กลุ่มเอ็นจีโออาสานำคนป่วยไปส่งถึงโรงพยาบาล แต่กลับมาพบสภาพคนป่วยล้นเตียงนอนอยู่ในเต็นท์ด้านหน้าโรงพยาบาลและออกซิเจนก็ไม่เพียงพอ กระทั่งมีการขึ้นป้ายข้อความนี้ที่แชร์กันเมื่อวานนี้ และถูกปลดออกไปในที่สุด

ส่วนเมื่อวานนี้ที่ประชุมศบค.ได้พิจารณาปรับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ 3 ส.ค. จะยกระดับขยายพื้นที่สีแดงเข้ม "ควบคุมสูงสุดเข้มงวด" จากเดิม 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด นอกจาก กทม.- จังหวัดปริมณฑล / 4 จังหวัดภาคใต้ และ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ที่ประกาศไว้เดิม ยังเพิ่มใหม่ไปอีก 16 จังหวัด อาทิ ระยอง / กาญจนบุรี / เพชรบูรณ์ / นครราชสีมา / ยะลา / นราธิวาส / สระบุรี / สุพรรณบุรี และอ่างทอง

โดยจะคงมาตรการล็อคดาวน์ต่อเนื่องไปอีก 14 วันที่บังคับใช้ก่อนหน้านี้ หลักๆ คือ จำกัดการเดินทาง และ เคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถาน 3 ทุ่มถึงตี 4 / ห้ามบริโภคในร้านอาหาร และเปิดได้ไม่เกิน 2 ทุ่ม และยังงดจำหน่ายและดื่มสุรา ส่วนในห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต / ร้ายขายยา และผ่อนคลายให้ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ผ่านเดลิเวอรี่เท่านั้น โดยการยกระดับมาตรการ ศบค.จะพิจารณาทบทวนผ่อนคลาย หรือ ยืดระยะเวลาอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค.นี้ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นอาจขยายไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค.นี้