เมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) เวลา 18.00 น. ภาคีบุคลากรสาธารณสุข ได้เผยแพร่ภาพกราฟิกพร้อมข้อความ ผ่านทางแฟนเพจ ถึงกรณีการจัดสรรวัคซีน ป้องกันโรคโควิด-19 ความว่า 

แม้กระทรวงสาธารณสุขจะยืนยันว่า บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าจะได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์มากกว่า 500,000 โดส แต่ยังมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการกระจายวัคซีน เช่น

– บุคลากรได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา เป็นเข็มที่ 3 ไปแล้วจำนวนเท่าใด?

– บุคลากรมีเจตจำนงรอฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 3 จำนวนเท่าใด?

– บุคลากรที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและยืนยันต้องการรอฉีด mRNA เป็นเข็มที่ 1 จะได้รับวัคซีนหรือไม่ จำนวนเท่าใด? 

กระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลของบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดในมือ กลับไม่เปิดเผยตัวเลขอย่างโปร่งใสชัดเจน

เพื่อความโปร่งใสและการกระจายวัคซีนให้ถึงมือผู้ควรได้รับโดยปราศจากเส้นสาย หมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, Nurses Connect, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA Thailand Official) และ DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร จึงขอเรียกร้องต่อกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้

1. นำวัคซีน mRNA มาเป็นวัคซีนหลักให้คนไทยทุกคน

2. ชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลว่ามีบุคลากรฯ ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นบูสเตอร์โดสไปแล้วเท่าใด และยังเหลือบุคลากรฯ ที่ยืนยันจะรับไฟเซอร์เป็นจำนวนเท่าใด เพื่อให้จำนวนวัคซีนที่ได้รับพอดีกับบุคลากรฯ ไม่มีเศษตกหล่นติดตามไม่ได้นอกระบบ

3. นำข้อมูลสำคัญที่จะพิสูจน์ความโปร่งใสกลับมาบรรจุในระบบ Cold-chain tracking นั่นคือเส้นทางการกระจายวัคซีนโดยระบุยี่ห้อและล็อตต่างๆ ของวัคซีน และเปิดให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เพื่อแสดงความรับผิดชอบของรัฐต่อประชาชน และให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการก้าวข้ามวิกฤต

4. ระบุผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนกรณีเกิดการจัดสรรการกระจายวัคซีนผิดพลาดหรือทุจริต

นอกจากนั้น เรายังขอเชิญชวนประชาชนทุกคน ร่วมลงชื่อสนับสนุนการนำ mRNA มาเป็นวัคซีนหลักทาง change.org/vaccinewetrust และร่วมจับตามองการกระจายวัคซีนครั้งนี้ ด้วยการแจ้งเบาะแสมายัง “แบบรับรายงานความผิดปกติในการกระจายวัคซีนโดย สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย” (เข้าถึงได้ที่ shorturl.at/dkDHK) หรือ ส่งเมลมาที่ mormaithon@protonmail.com หากท่านพบเห็นหรือทราบข้อมูลการได้วัคซีนมาอย่างไม่ถูกต้อง เราจะถามไปด้วยกันว่า #เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/x8RSoG2hpxo