หลังจากศบค.เห็นชอบให้ใช้วัคซีนสูตรผสม เข็มแรกเป็น ซิโนแวคและเข็มที่2แอสตราเซเนกา และให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดแอสตราเซเนกาเป็นเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิ และรองรับเชื้อกลายพันธุ์ แต่ขณะนี้หลายพื้นที่มีปัญหาวัคซีนไม่พอ ทำให้ต้องประกาศยกเลิกและเลื่อนการฉีดออกไป ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกมาอมรับว่าทางสยามไบโอไซเอนไม่สามารถส่งมอบวัคซีนได้ตามกรอบระยะเวลาแรกที่กำหนดไว้ 61 ล้านโดสในเดือนธันวาคมปีนี้ได้ แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็รับปากว่ารัฐบาลจะหาวัคซีนมาให้คนไทยได้ทุกคน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในช่วงที่มีการระบาดของโรครุนแรงนี้ ได้สั่ง ให้สลับชนิดการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับการเสนอจากคณะกรรมการวิชาการที่ได้ทำการศึกษาวิจัย วิธีการฉีดวัคซีนซิโนแวคสลับกับแอสตราเซนเนกา ทำให้เกิดภูมิต้านทานในระยะเวลาอันสั้น มีประโยชน์ต่อประชาชนในการรับมือกับสายพันธุ์เดลตา ในส่วนของการจัดหาวัคซีน กรมควบคุมโรคในฐานะคู่สัญญากับบริษัทแอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด ได้เจรจาต่อรองอย่างต่อเนื่องให้ผู้ผลิตที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ประเทศไทยมากที่สุด เร็วที่สุด โดยเฉพาะช่วงที่มี

การระบาดรุนแรงขณะนี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานในการเจรจากับผู้ผลิต รับปากว่า รัฐบาลไทยจะจัดหาวัคซีนและฉีดให้กับคนในประเทศไทยจนครบทุกคน จนกว่าโรคโควิดจะหมดไปหรือจนกลายเป็นโรคประจำถิ่น

ก่อนหน้านี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ยอมรับว่าทางสยามไบโอไซเอนไม่สามารถส่งมอบวัคซีนได้ตามกรอบระยะเวลาแรกที่กำหนดไว้ 61 ล้านโดสในเดือนธันวาคมปี 2564 นี้ โดยจะเลื่อนออกไปเป็นเดือนพฤษภาคมปี 2565 เเทน

ส่วนนายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ก็บอกก่อนหน้านี้ สถานการณ์การผลิตวัคซีนของสยามไบโอไซเอนซ์เริ่มมีปัญหา กำลังการผลิตในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปจะต้องส่งมอบให้กับประเทศอื่นด้วย และอาจเหลือใช้ในประเทศเพียง 5-6 ล้านโดสเท่านั้น ไม่ครบ 10 ล้านโดสที่ตั้งเป้าไว้

โดยเมื่อรวมกับวัคซีนที่ญี่ปุ่นได้บริจาควัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 1 ล้าน 5 หมื่นโดส ให้กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้รวมแอสตราเซเนกาที่ไทยมีอยู่ ณ ปัจจุบันตามที่กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผย คือ ประมาณ 7 ล้านโดส